ปริจเฉทที่ ๑ ชื่อจิตตสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4
5 6
7 8
9 10
11 12
13 14
15 16
17 18
19 20
21 22
23 24
25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 111 112 113 114 115 ค้นหาหัวข้อธรรม
อรูปาวจรจิต
อรูปาวจรจิต เป็นจิตของผู้ถึงอรูปฌาน
เป็นจิตที่ถึงซึ่งอรูปฌาน อรูปาวจรจิตเป็นฌานจิตของผู้ที่ได้เจริญรูปาวจรจิตได้ถึง
ฌาน ๕ แล้วเห็นว่ารูปเป็นเหตุให้เกิดราคะ เกิดตัณหา จึงต้องการให้เกิด วิราคะ
ซึ่งเป็นภาระอันหนัก จึงพยายามเจริญฌานโดยละรูปเสีย ในขณะที่เจริญรูปาวจรฌานที่ ๕
แล้วภาวนาละรูป (เพิกรูป=ไม่ใส่ใจในรูป)
อรูปาวจรจิต มี ๑๒ ดวง คือ เป็นกุสล
๔ วิบาก ๔ กิริยา ๔
อรูปาวจรจิต ตามประเภทแห่งอารมณ์ มี ๔ คือ
๑. มี
อากาศที่ว่างเปล่าเป็นอารมณ์ คือบุคคลที่เจริญฌานจนได้ปัญจมฌาน
โดยเพ่งกสิณจนเป็นปฏิภาคนิมิตแล้ว ได้เลิกใส่ใจในปฏิภาคนิมิตนั้นเสีย
แล้วเจริญฌานโดยเพ่งอากาศว่างเปล่าโดยบริกรรมว่า อากาโส อนนฺโต
อากาศไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าฌานจิตจะเกิดขึ้น
ฌานจิตที่เกิดขึ้นโดยเพ่งอากาศที่ว่างเปล่าเป็นอารมณ์ ชื่อว่า อากาสานัญจายตนฌาน
บางทีก็เรียกว่า ปฐมารูปจิต คือ ปฐมอรูปจิต เป็นอรูปาวจรจิตชั้นต้น
๒. มี
อากาสานัญจายตนจิต เป็นอารมณ์ โดยบริกรรมว่า
วิญฺญาณํอนนฺตํ วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าฌานจิตจะเกิดขึ้น
ฌานจิตที่เกิดขึ้นโดยมีอากาสานัญจายตนจิตเป็นอารมณ์นี้ ชื่อว่า วิญญานัญจายตนฌาน วิญญาณในที่นี้
หมายเอาตัวรู้ที่ไปรู้จิต(ที่มีอากาศไม่มีที่สุดนั้นแหละ)เป็นอารมณ์
บางทีเรียกว่า ทุติยารูปจิต คือ ทุติย อรูปาจิต เป็นอรูปาวจรจิตชั้นที่ ๒
๓.
มี สภาพที่ไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์ โดยเจริญวิญญาณัญจายตนฌานบ่อย ๆ จนชำนาญ
ก็จะรู้สึกขึ้นมาว่า วิญญาณ คือตัวรู้ ที่รู้ว่าอากาศไม่มีที่สุดก็ดี
แม้แต่อากาศที่ไม่มีที่สุดนั้นเองก็ดี ความจริงไม่มีอะไรแม้สักหน่อยหนึ่ง
จึงได้มาเพ่งถึงความไม่มี โดยบริกรรม นตฺถิ กิญฺจิ นิดหนึ่งก็ไม่มี
หน่อยหนึ่งก็ไม่มี จนกว่าฌานจิตจะเกิดขึ้น ฌานจิตที่เกิดขึ้นโดยมี นัตถิภาวบัญญัติ
เป็นอารมณ์ชื่อว่า อากิญจัญญายตนฌาน บางทีเรียกว่า ตติยารูปจิต คือ ตติยอรูปจิต
เป็น อรูปาวจรจิตชั้นที่ ๓
๔. มี อากิญจัญญายตนจิตเป็นอารมณ์
โดยกำหนดเอาความประณีต ความละเอียดของตติยารูปจิตเป็นอารมณ์ โดยความรู้สึกที่ว่า
สัญญา คือจิตที่รู้ว่านิดหนึ่งก็ไม่มี หน่อยหนึ่งก็ไม่มีนั้นจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่
เพราะยังมีตัวรู้ว่าไม่มีอยู่จะว่ามีก็ไม่เชิงเพราะสัญญานั้นประณีต
ละเอียดอ่อนและสงบมากเหลือเกิน จนแทบจะไม่รู้ว่ามี
ดังนั้นจึงกำหนดเพ่งธรรมชาติที่สงบประณีต โดยบริกรรมว่า เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ
สงบหนอ ประณีตหนอ จนกว่าฌานจิตจะเกิดขึ้น ฌานจิตที่เกิดขึ้นนี้ชื่อว่า
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน แปลว่า ฌานที่ไม่มีสัญญาหยาบมีแต่สัญญาละเอียด เรียกว่า
จตุตถารูปจิต คือ จตุตถอรูปจิต เป็นอรูปาวจรจิตชั้นที่ ๔
อันเป็นชั้นสูงสุดเพียงนี้
อรูปาวจรจิต อรูปจิต อรูปฌาน ซึ่งมี ๔ ชั้น หรือ
๔ ฌานนี้ แตกต่างกันด้วยประเภทแห่งอารมณ์ ไม่ใช่ต่างกันด้วยองค์ฌาน
เพราะองค์ฌานของอรูปฌานมี ๒ องค์ คือ อุเบกขา กับเอกัคคตาเท่ากัน เหมือนกันทั้ง ๔
ชั้น
อนึ่ง องค์ฌานของอรูปฌานนี้เท่ากัน
และเหมือนกันกับองค์ฌานของรูปาวจรปัญจมฌาน จึงจัดว่า อรูปฌาน
เป็นปัญจมฌานด้วย
อรูปาวจรจิตหรือ อรูปฌาน ๔ จำแนกโดยชาติได้ คือ
อรูปาวจรกุสลจิต อรูปาวจรวิบากจิต และ อรูปาวจรกิริยาจิต ก็มีอย่างละ ๔
คือ
จัดทำโดย
มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ