สันติ
เมื่อครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในวัดอมราวดี ประเทศอังกฤษ ฉันมองเห็นดอกไม้สีสวยสดกำลังบานสะพรั่ง ไกลลิบตาด้านขวา แต่พอฉันเดินไปในสวนดอกไม่นั่น ฉันเห็นชายวัยกลางคนชาวอังกฤษคนหนึ่ง กำลังปลูกดอกไม้ประดับตามถนนหนทางหลากสีหลายพันธุ์ เอามารวมกันไว้ในกระถางเกิดเป็นองค์ประกอบที่สวยงาม
จึงเกิดความคิดได้ว่า ดอกไม้หลายๆ ชนิดหลายๆ อย่างเอามาปลูกรวมกันในกระถางเดียวได้ ฉันเดินไปคิดไปจนถึงเกาะกลางถจจซึ่งมีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งจำลองสวนญี่ปุ่นมาไว้ โดยนำพันธุ์ไม้มาจากแดนอาทิตย์อุทัยอันไกลโพ้น แม้เป็นพืชพันธุ์จากคนละท้องถิ่นนำมาปลูกรวมกันในสวนรวมกันในสานกับดอกทิวลิปก็อยู่รวมกันได้เป็นอย่างดี "ต้นไม้หลายๆ อย่าง ต่างอยู่รวมกันได้อย่างดี"
ต้นไม้อยู่รวมกันได้โดยง่าย ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่มีปัญหา ซึ่งทำให้ฉันคิดว่ามันช่างต่างจากคนจริงๆ เลย มีคำถามในใจว่า "ทำไมคนจึงอยู่ด้วยกันยาก" เพราะถ้าอยู่รวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป มักจะเกิดความขัดแย้งเป็นเรื่องเป็นราว ชวนให้เข้าใจผิดกันไม่มากก็น้อย ไม่ช้าก็เร็ว ยิ่งในหมู่มาก ปัญหาก็ยิ่งมีมากตาม ฉันจึงถามต้นไม้ไปว่า
ถาม ทำไมคนชอบทะเลาะกัน?
ตอบ " .."
ถาม ทำไมคนเรา จึงไม่อยู่ด้วยความสงบ?
ตอบ " .."
เงียบ ต้นไม้ทั้งหมดไม่ตอบฉันเลย
จึงทำให้ฉันคิดได้ว่า เพราะต้นไม้ ไม่ตอบ นั่นเอง ต้นไม้จึงอยู่กันได้โดยไม่ทะเละเบาะแว้งกัน คนเราถ้าเอาอย่างต้นไม้ ไม่ตอบ ไม่โต้ ไม่โอ้อวด ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่จองเวร สังคมมนุษย์คงพบความสงบสุขกว่าเดิมมากแน่นอน ต้นไม้ไม่มีความนึกคิดและถ้อยคำ แต่เพราะคนเรามีจิตใจ ซ้ำยังต่างจิตใจกัน จึงเกิดอารมณ์ที่ปรารถนาและซับซ้อน อันนำไปสู่วจีกรรม และกายกรรมอันยุ่งเหยิง จึงยากนักที่เราจะให้ทุกอย่างเป็นไปอย่าสงบราบเรียบดั่งใจ
โดยเฉพาะจิตที่ต่างกัน ความคิดที่ต่างกัน ซึ่งเคลือบอยู่ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ คำพูดที่แฝงไปด้วยความไม่ปรารถนาดีและไม่มีสติปัญญาไตร่ตรอง จึงมักก่อความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่ตนเองและผู้อื่นและเป็นเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทสืบเนื่องนั่นเอง
หากผิดจากคำพูดที่มาจากกุศลเจตนา ควรมีเมตตา กรุณา ตั้งสติ พิจารณาให้เหมาะสม ย่อมยังความสงบให้เกิดขึ้น ซ้ำยังพาให้เรื่องร้ายๆ ปิดฉากลง
เราจึงควรที่จะต้อง เลือก ส่งและรับถ้อยคำ อันเป็นสื่อที่สำคัญยิ่งแห่งความเข้าใจของมนุษย์
เลือกส่งคำพูด ว่าจะเป็นแบบใด ระหว่างคำพูดหลอกลวง บิดเบือน กับคำสัตย์จริง, คำพูดส่อเสียด ยุยง กับคำปรองดองให้สมานฉันท์, คำพูดบ่นว่าด่าทอ หยาบคาย มองโลกในแง่ร้าย กับคำพูดไพเราะสร้างสรรค์ ชวนให้มองกันในแง่ดี และคำพูดที่อุดมด้วยอรรถสาระประโยชน์
เลือกรับคำพูด เมื่อเสี่ยงมากระทบหู ย่อมก่อให้เกิดการรับรู้ของโสตวิญญาณอันนำไปสู่สังขาร - การนึกคิดปรุงแต่ง แล้วเป็นเวทนา เกิดอารมณ์ความรู้สึกสุขทุกข์ พอใจไม่พอใจ
หยุด ก่อนตอบโต้กลับเป็นการกระทำและคำพูด แล้วท่องคาถาดับอภิชฌาและโทมนัสเสียก่อนว่า "เขาไม่ได้พูดให้เราโกรธหรือชอบ เราโกรธ - เราชอบเอง"
หากมีปัญญาใคร่ครวญได้ทัน ก็ยิ่งสามารถพิจารณาแยกแยะให้เป็นประโยชน์จากถ้อยคำนั้น ถ้าไร้สาระก็วางเฉย ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องโต้ ไม่ต้องเดือดร้อน วุ่นวายเหมือนต้นไม้หลายพันธุ์ที่อยู่รวมกันในป่า ต่างทำหน้าที่ของตนไปตามปกติ แม้จะแตกต่างกันในรูปทรง เทือกเถาเหล่ากอ แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ในที่เดียวโดยสงบ
คนเราหากต่างทำหน้าที่ของตน ไม่ต้องรับคำพูดที่ไม่ควรรับ ไม่ต้องพูดคำที่ไม่ควรพูด ไม่เคลือบแฝงด้วยอกุศลเจตนาต่อกัน ถึงจะแตกต่างในพื้นฐานจิตใจ เราก็อยู่ร่วมกันได้โดยสันติสุข เหมือนดอกไม้หลายพันธุ์ใจกระเช้าที่ฉันเห็นมาเล่าสู่กันฟังไงจ๊ะ หรือจะเรียกว่าอยู่กันอย่าฉันมิตร
แม้นต้นไม้จะกระทบกระเทือนเบียดเสียดกันบ้าง ก็คงเป็นไปส่วนน้อยและเป็นไปโดยปราศจากมายา คนเราถ้ากระทบกันโดยไม่ตั้งใจ ก็ไม่มีแก่นสารอะไรที่ควรยึดถือ ขอเพียงอยู่กันด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ขอเพียงเราไม่ตอบ ไม่โต้ ไม่ต่อความ ไม่จองเวร เท่านี้สังคมก็อยู่ด้วยดี มีความสุข
หากใครเขายังไม่หยุด เราหยุดได้ ก็พอแล้ว ...ต้อย