Main        l       AbstractEn

บทคัดย่อ

    กิจสำคัญในพระพุทธศาสนา มี 2 อย่าง

คือ คันถธุระ และ วิปัสสนาธุระ ธุระทั้ง 2 นี้ต่างเกื้อกูลกัน หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว  ความเข้าใจถูกต้องในเรื่องชีวิต (สัมมาทิฏฐิ)จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย       คันถธุระ ได้แก่  การศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งในพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกาต่าง ๆ เพื่อสร้างพื้นฐานความเห็นที่ถูกต้อง ความเข้าใจในพระปริยัติจะน้อมนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง

การศึกษาเปรียบเทียบครั้งนี้ เลือกศึกษาถึงโครงสร้าง    เนื้อหาและหลักการของมหาสติปัฏฐานสูตร เปรียบเทียบกับ พระอภิธัมมัตถสังคหะ และวิสุทธิมรรคในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรรมฐาน นอกจากนี้ยังศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงทางความคิด ที่มีในคัมภีร์กับที่ปรากฏในสำนักปฏิบัติธรรม โดยเปรียบเทียบระหว่างสำนักวิปัสสนาอ้อมน้อย กับสำนักวิปัสสนา วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วิธีการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ภาคเอกสารและภาคสนาม จะใช้ข้อมูลจากเอกสารทั้ง พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และผลงานทางวิชาการด้านพระพุทธศาสนาของพระอาจารย์และนักวิชาการยุคปัจจุบัน ในภาคสนามนั้นเป็นการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 8 ท่าน มีทั้งพระอาจารย์ของทั้ง 2 สำนัก และพระอาจารย์จากอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย

ผลการศึกษาด้านคัมภีร์ พบว่า แต่ละคัมภีร์มีจุดเน้นในการอธิบายไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน ใน การนำเสนอวิถีดำเนินชีวิตเพื่อการบรรลุธรรม กล่าวคือ   มหาสติปัฏฐานสูตร จะเน้นขั้นตอนการเจริญสติไว้อย่างสมบูรณ์ เป็นการฝึกฝนความระลึกรู้สึกตัวด้วยสติตามฐานทั้ง 4 เท่านั้น     ไม่กล่าวถึงสภาวธรรมอย่างในพระอภิธัมมัตถสังคหะ และไม่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของ     ศีล   สมาธิ   ปัญญา   เหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในวิสุทธิมรรค

สำหรับพระอภิธัมมัตถสังคหะจะแสดงหัวข้อสำคัญสรุปสภาวธรรมในพระอภิธรรมปิฎกมิใช่เพียงแค่การเจริญสติเท่านั้น    แต่จะกล่าวถึงโครงสร้างพื้นฐานอันเป็น เบื้องหลังของความคิดและพฤติกรรมทั้งหลายจึงเป็นการเน้นความสำคัญของ  สภาวธรรมในเชิงปริยัติมากกว่าการปฏิบัติ

ส่วนวิสุทธิมรรคจะเน้นภาคการปฏิบัติ โดยกล่าวถึงลำดับขั้นตอนของ การเจริญ  ศีล สมาธิ ปัญญา ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน จนถึงการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อการบรรลุมรรคผลในที่สุด   ทั้งนี้จะต้องมีพื้นฐาน ด้านสภาวธรรมจากพระอภิธัมมัตถสังคหะมาก่อนแล้ว  จึงจะปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง   อาจกล่าวรวมได้ว่า   ความเข้าใจถึงอรรถรสในพระอภิธัมมัตถสังคหะ  เป็นจุดเริ่มของการเจริญสติใน มหาสติปัฏฐานและการเจริญปัญญาในวิสุทธิมรรคนั่นเอง

ส่วนผลการศึกษาด้านสำนักปฏิบัติธรรม พบว่า ทั้ง 2 สำนักประยุกต์วิธีการและหลักการเจริญสติจากมหาสติปัฏฐานสูตร ตั้งเป็นหลักการใหม่ที่ต่างกัน กล่าวคือ   สำนักวิปัสสนาอ้อมน้อยประยุกต์ด้านวิธีการในมหาสติปัฏฐานสูตร  มาเรียบเรียง ใหม่เป็นหลักปฏิบัติ 15 ข้อ    เนื้อหายังคงส่วนเดิมไว้มีการกล่าวถึง   สภาวธรรมที่ปรากฏในพระอภิธัมมัตถสังคหะและ วิสุทธิมรรคประกอบการอธิบายด้วย     ส่วนสำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ประยุกต์ด้านหลักการพิจารณา   ลมหายใจและอิริยาบถ  ออกมาเป็นหลักการใหม่แบบ
“ พองหนอ-ยุบหนอ  "  โดยสังเกตการเคลื่อนไหวของหน้าท้องขณะ หายใจเข้า-ออกมีคำภาวนา เฉพาะ ซึ่งทำให้เกิดสมาธิได้ระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่จะใช้ความรู้จากวิสุทธิมรรคในการอธิบาย ลำดับญาณขั้นต่าง ๆ ไม่เน้นถึงหลักสภาวธรรมในพระอภิธัมมัตถสังคหะ

ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดดังกล่าว    เป็นเพียงความต่างในหลักการและวิธีการขั้นเบื้องต้น   ซึ่งแต่ละสำนักล้วน พยายาม แนะนำแนวทางที่เชื่อว่าจะก่อให้เกิดความถูกต้อง จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าวิธีการใดดีกว่าวิธีการใด    การศึกษา วิธีการ ที่ต่างกันเช่นนี้ก็เพื่อความเข้าใจพระพุทธศาสนาในมุมมองที่กว้างขึ้น และผสมผสานส่วนที่ดีของแต่ละแห่งมา ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม     ส่วนหลักการปฏิบัติขั้นสูงแล้วจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในพระปริยัติ ธรรมเป็นบรรทัดฐานเท่านั้น      ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณในการศึกษาปริยัติธรรมของผู้ปฏิบัติเป็นส่วนสำคัญ

Home