หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนมากมีความสนใจที่จะฝึกหัดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ซึ่งมีสถานปฏิบัติธรรมหลายแห่งประชาสัมพันธ์ตนเองว่า
เป็นสถานที่อบรมการปฏิบัติวิปัสสนา
แต่เมื่อผู้ที่สนใจและมีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน
ได้ไปเข้ารับการอบรมและฝึกหัดปฏิบัติแล้ว
ปรากฏว่าการอบรมหลักสูตรดังกล่าวมิใช่เป็นการอบรมด้านวิปัสสนากรรมฐานโดยตรง
จึงทำให้ผู้ที่มีความรู้พื้นฐานด้านการปฏิบัติวิปัสสนามาเพียงเล็กน้อยเกิดความเข้าใจที่สับสน
และที่เป็นปัญหาสำคัญมากก็คือมีผู้ที่ไม่เคยทราบเกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนาตามแนวทางสติปัฏฐานมาก่อน
เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าวิปัสสนาและสมาธิเป็นสิ่งเดียวกัน
หรือมีวิธีการอย่างเดียวกัน
จนกระทั่งนำคำว่าวิปัสสนาไปใช้เรียกแทนการเจริญสมาธิก็มีเป็นจำนวนมาก
นับเป็นการชักจูงผู้ที่ต้องการพ้นทุกข์ให้หลงเดินไปบนทางที่ผิดสายโดยตรง
เพราะในความเป็นจริงแล้ววิธีการปฏิบัติของกรรมฐานทั้งสองนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิซึ่งเป็นสถานที่เผยแผ่พระอภิธรรมปิฎกและการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ที่ตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแผ่ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง
ตรงตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาทั้งด้านปริยัติและการปฏิบัติ
จึงเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความอนุเคราะห์แก่พุทธศาสนิกชนผู้ที่สนใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ให้ได้รับความรู้ความเข้าใจอย่างถูกตรงและสามารถนำไปปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน
จึงกำหนดให้มีการจัดอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชนที่สนใจในทางพ้นทุกข์
และมีศรัทธาที่จะเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
ตามกำหนดระยะเวลาที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดยจะอบรมรุ่นละไม่เกิน 30 คน
ณ มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
73170
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้เข้ารับการอบรม
มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระอภิธรรมเบื้องต้น และพื้นฐานการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่า
วิปัสสนาต่างกับสมาธิอย่างไร
2.
เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจความหมายของคำศัพท์ทั่วไปที่ใช้ในการปฏิบัติ
และได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทั้งหมดอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
ก่อนเข้ารับการฝึกปฏิบัติจริง
3. เพื่อส่งเสริมศรัทธาปสาทะของผู้เข้ารับการอบรม
และเพื่อเผยแผ่หลักธรรมการปฏิบัติตามพุทธดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสว่า
"ตราบใดที่พุทธบริษัทยังศึกษา และปฏิบัติตามวินัยธรรม
ตราบนั้นพุทธศาสนายังคงสถาพรอยู่ต่อไป"
วิธีดำเนินงาน
1. ประชาสัมพันธ์เรื่องการเปิดการอบรม
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยผ่านสื่อ
2. กำหนดรูปแบบ วิธีการ ขอบข่ายของการอบรม และบุคลากรผู้รับผิดชอบ
3. กำหนดวัน เวลา เปิดการอบรม และคุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม
4. เปิดการอบรมภาคปริยัติและปฏิบัติตามตารางที่กำหนด
ระยะเวลาดำเนินการ
1. กำหนดระยะเวลารับสมัคร (รุ่นแรก)
ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2546 - วันที่ 26 กรกฎาคม 2546
ภาพกิจกรรม 1
2. กำหนดระยะเวลาฝึกอบรม (รุ่นสอง))
ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2546 - วันที่ 24 สิงหาคม 2546
ภาพกิจกรรม 2
3. กำหนดระยะเวลาฝึกอบรม (รุ่นสาม)) ตั้งแต่วันที่
26 ตุลาคม 2546 -
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2546
ภาพกิจกรรม
3
(อบรมเฉพาะวันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 16.00 น รวม 5
วัน 30 ชั่วโมง)
รายละเอียดเกี่ยวกับผู้สมัคร
1. คุณสมบัติของผู้สมัคร
อายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี เป็นผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา
มีความสนใจในการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน
2. เอกสารประกอบการสมัคร
2.1 รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
(เพื่อติดวุฒิบัตร)
2.2 สำเนาทะเบียนบ้าน
2.3 สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรนักเรียน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.
ผู้เข้ารับการอบรมจะมีเข้าใจเกี่ยวกับหมวดธรรมที่เป็นความรู้พื้นฐาน
หลักการหรือข้อกำหนด
และวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างถูกต้องตรงตามแนวทางสติปัฏฐาน
2. ผู้เข้ารับการอบรมจะสามารถปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้อย่างถูกต้อง
งบประมาณ
จาก งบบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
ของมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ผู้รับผิดชอบโครงการ
1. นางสาวบุษกร เมธางกูร
ประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
2. นางอัมพา พึ่งเกตุ กรรมการและผู้ดำเนินงาน
3. นางสาวอาภา เที่ยงธรรม กรรมการและผู้ดำเนินงาน
|
|
ผู้ประสานงานโครงการ
1. อาจารย์วยุรี
สุวรรณอินทร์
|
4. อาจารย์ทวีพร พันธุ์พาณิชย์
|
2. อาจารย์สง่า มาดี
|
5. อาจารย์มาลี อาณากุล |
3. อาจารย์อัญชลี สมโสภณ
|
|
|