๑.ความกตัญญู
คือ ความรู้อุปการคุณที่มีผู้ทำไว้ก่อน
เป็นคุณธรรมคู่กับ ความกตเวที คือ
การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้น
ผู้ที่ทำอุปการคุณก่อนเรียกว่า บุพการี
ขอยกมากล่าวในที่นี้คือ บิดามารดาและครูบาอาจารย์
บิดามารดา มีอุปการคุณแก่บุตร ธิดา
ในฐานะเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ให้การศึกษา อบรมสั่งสอนให้ละเว้นต่อความชั่ว มั่นคงในการทำความดี
เมื่อถึงคราวที่มีคู่ครองที่เหมาะสมให้และมอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก
บุตร ธิดา เมื่อรับอุปการะคุณที่บิดามารดาทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤติตัวดี
สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูและช่วยทำงานของท่าน
และเมื่อล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน
ครูอาจารย์ มีอุปการคุณแก่ศิษย์ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้
ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดีสอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบัง ยกย่องให้ปรากฏแก่คนอื่นและช่วยคุ้มครองศิษย์ทั้งหลาย
ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน
ให้เกียรติ และให้ความเคารพ ไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู
ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี
ส่งผลทำให้ครอบครัว
และสังคมมีความสุขได้
บิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำอุปการคุณให้ก่อน
และบุตร ธิดา ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำดีตอบแทน
สำหรับครูอาจารย์ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำอุปการคุณสอนศิลปวิทยาอย่างเต็มที่
และศิษย์ก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการตั้งใจเรียน
และให้ความเคารพเป็นการตอบแทน
นอกจากจะใช้ในกรณีของบิดามารดากับบุตร
ธิดาและครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว
คุณธรรมข้อนี้ก็คือความสามารถนำไปใช้ได้แม้ระหว่าง
พระมหากษัตริย์กับพสกนิกร
นายจ้างกับลูกจ้าง เพื่อนกับเพื่อนและบุคคลทั่วไป
รวมทั้งมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
ในทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธจ้าทรงเป็นบุพการีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาและทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์
พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้ จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา
กล่าวคือ การจัดกิจกรรมในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่
ชาวพุทธแสดงออก
ซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ ด้วยการทำนุบำรุง ส่งเสริม พระพุทธศาสนา
และประพฤติปฏิบัติธรรม
เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนาสืบไป
|