ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ เรื่องและภาพ , มาลี อาณากุล เรียบเรียง
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งด้วยเรื่อง จิตตุปบาท
เพราะเห็นว่า จิตตุปบาท เป็นเรื่องพื้นฐานเริ่มต้นที่จะทำให้เข้าใจความเป็นไปของจิต และสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิตได้เป็นอย่างดี หากสามารถเรียนรู้ให้เข้าใจแจะเป็นประโยชน์มากสำหรับท่านที่กำลังศึกษาเล่าเรียนพระอภิธรรมมัตถสังคหะอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเหตุในปริจเฉทที่ ๓ (บอกกล่าวจากประสบการณ์ค่ะ)
นำเสนอเรื่องนี้จากความรู้ความเข้าใจที่ได้รับการสอนสั่งมา และตามสติปัญญาที่สามารถจะกระทำได้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขอกราบอภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย และขอให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายโปรดชี้แนะแก้ไขด้วยคะ
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เกี่ยวกับจิต
· จิต เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ขณะใดจิตเกิดขึ้น ขณะนั้นการรู้อารมณ์ก็เกิดขึ้น จะห้ามการรู้อารมณ์ไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ สภาวลักษณะของจิตเมื่อกล่าวโดยทั่วไป จึงเป็นการรู้อารมณ์อย่างเดียว
· แต่เมื่อกล่าวถึงลักษณะที่รู้อารมณ์พิเศษของจิตแล้ว จิตจะมีความสามารถในการรู้อารมณ์ไม่เหมือนกัน โดยอำนาจการปรุงแต่งของเจตสิกที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต มีที่อาศัยและมีอารมณ์อันเดียวกับจิต
· และมีการเกิดขึ้นสืบกันไม่ขาดสาย ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ..
· เมื่อมีจิตเกิดขึ้น ต้องมีเจตสิกเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ
· ขณะที่จิตเกิดขึ้น เรียกว่า อุปาทะขณะ
· ขณะที่จิตตั้งอยู่ เรียกว่า ฐีติขณะ และ
· ขณะที่จิตดับไป เรียกว่า ภังคะขณะ
ภาพโดยรวมของจิตตุปบาท
จิตตุปบาท มาจาก จิต + อุปาทะ จึงหมายถึงการเกิดขึ้นของจิต มาดูกันสิว่าภาพจิตตุปบาทบ่งบอกให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับจิตอะไรบ้าง (ดูภาพจิตตุปบาทประกอบ)
|
· จิต (วงกลม) · เจตสิกที่ประกอบ (เขียนเป็นตัวเลขประกอบภายในวงกลม) · ขณะเกิดขึ้นของจิต (อุปาทขณะ แสดงด้วยเส้นสีเขียวเส้นแรก) · ขณะตั้งอยู่ของจิต (ฐีติขณะ แสดงด้วยเส้นสีน้ำตาลเส้นที่สองตรงกลาง) · ขณะดับไปของจิต (ภังคขณะ แสดงด้วยเส้นสีเทาเส้นที่สาม) · จิตตชรูป (ขีดเล็กๆ อยู่เหนืออุปาทขณะ) เป็นเครื่องหมายแสดงให้ทราบว่ามีจิตตชรูป เกิดขึ้นด้วยที่อุปาทะขณะของจิต |
มาพิจารณาเจตสิกที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต
สำหรับผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรม คงจะทราบกันอยู่แล้ว ว่า
เจตสิกมีทั้งหมด
๕๒ ดวง
แต่เป็นเจตสิกที่เป็นเหตุได้เพียง ๖ ดวงเท่านั้นคือ
· โลภเจตสิก เป็น โลภเหตุ · โทสเจตสิก เป็น โทสเหตุ · โมหเจตสิก เป็น โมหเหตุ |
· อโลภเจตสิก เป็น อโลภเหตุ · อโทสเจตสิก เป็น อโทสเหตุ · ปัญญาเจตสิก เป็น อโมหเหตุ |
จิตตุปบาทจะบอกให้ทราบถึงสัมปยุตตเหตุได้อย่างไร
..เราสามารถแสดงให้ทราบถึงสัมปยุตตเหตุ ในจิตแต่ละดวงได้ด้วยภาพจิตตุปบาท
..โดยการแบ่งครึ่งวงกลมซึ่งแทนจิต แล้วเขียนจำนวนเจตสิกที่เป็นเหตุอยู่ครึ่งบน
..โดยเขียนในลักษณะ ๑, ๑-๑, ๑-๑-๑ แทน เหตุ ๑, เหตุ ๒, เหตุ ๓ ตามลำดับ
..และเจตสิกที่เหลือ (= เจตสิกทั้งหมด ลบด้วย เจตสิกที่เป็นเหตุ) เขียนไว้ครึ่งล่าง
..(ดูภาพประกอบไปด้วยเพื่อความเข้าใจ)
· ถ้าจิตดวงนั้นไม่มีเจตสิกที่เป็นเหตุประกอบ (ครึ่งบนก็ว่างไว้) จัดเป็น อเหตุกจิต
·
ถ้าจิตดวงนั้นมีเจตสิกที่เป็นเหตุประกอบด้วย ๑ ดวง (๑) ก็จัดเป็น
·
ถ้าจิตดวงนั้นมีเจตสิกที่เป็นเหตุประกอบด้วย ๒ ดวง (๑-๑) ก็จัดเป็น
·
ถ้าจิตดวงนั้นมีเจตสิกที่เป็นเหตุประกอบด้วย ๓ ดวง ก็จัดเป็น |
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
มารู้จักกับ ธรรมที่เป็นเหตุ ธรรมที่มีเหตุ และ ธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
ธรรมที่เป็นเหตุ · หมายถึงเจตสิกที่เป็นเหตุ ไม่ว่าจะมีเหตุเดียว (๑), เหตุสอง (๑-๑) หรือเหตุสาม (๑-๑-๑)ก็ตาม · ถ้ามีเหตุเดียว เจตสิกดวงที่เป็นเหตุนั้นก็จะเป็นธรรมที่เป็นเหตุ แต่ไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย · ถ้ามีเหตุสองหรือสาม เจตสิกที่เป็นเหตุแต่ละดวง ก็จะเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย และมีเหตุเกิดร่วมด้วย ธรรมที่มีเหตุ และธรรมที่ไม่เป็นเหตุ · หมายถึง เจตสิกที่เหลือ และจิต |
...........................................................................................................
เอกเหตุกจิต มี ๒ ดวง
· ได้แก่โมหมูลจิต ๒ ดวง (วิจิกิจฉาสัมปยุตตจิต ๑ และ อุทธัจจสัมปยุตตจิต ๑) · มีเจตสิกประกอบ (เท่ากันแต่ไม่เหมือนกัน) ๑๕ ดวง · มีโมหเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คือโมหเหตุ · เจตสิกที่เหลือ ๑๔ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ · โมหมูลจิต จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ |
ทวิเหตุกจิต มี ๒๒ ดวง
· โลภมูลจิต ๘ ดวง
· โทสมูลจิต ๒ ดวง
· ญาณวิปยุตตจิต ๑๒ ดวง
(ภาพที่แสดงคือโลภมูลจิตดวงที่๑)
|
· โลภมูลจิต ๘ ดวง โลภเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คือโลภเหตุ
มีโมหเจตสิก
เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คือโมหเหตุ
ดังนั้น เจตสิกที่เหลือ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ โลภมูลจิต จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ ๒ แต่ไม่เป็นเหตุ เรียกว่า ทวิเหตุกจิต
|
|
· โทสมูลจิต ๒ ดวง มีโทสเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คือโทสเหตุ มีโมหเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คือโมหเหตุ โทสเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีเหตุคือโมหเจตสิกเกิดร่วมด้วย โมหเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีเหตุคือโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย เจตสิกที่เหลือ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ
โทสมูลจิต
จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ ๒
แต่ไม่เป็นเหตุ
เรียกว่า ทวิเหตุกจิต |
|
· ญาณวิปปยุตตจิต ๑๒ ดวง
มีอโลภเจตสิก
เป็นธรรมที่เป็นเหตุ คืออโลภเหตุ อโทสเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีอโลภเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย เจตสิกที่เหลือ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ
ญาณวิปยุตตจิต
จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ ๒
แต่ไม่เป็นเหตุ |
ติเหตุกจิต มี ๔๗ หรือ ๗๙ ดวง
· ญาณสัมปยุตตจิต ๑๒ ดวง
· มหัคคตจิต ๒๗ ดวง
· โลกุตตรจิต ๘ หรือ ๔๐ ดวง
|
อโลภเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีอโทสเจตสิกและปัญญาเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย อโทสเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีอโลภเจตสิกและปัญญาเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย ปัญญาเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีอโลภเจตสิกและอโทสเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย เจตสิกที่เหลือ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ ญาณสัมยุตตจิต มหัคคตจิต โลกุตตรจิต จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ ๓
แต่ไม่เป็นเหตุ
เรียกว่า ติเหตุกจิต |
ต่อไปจะแสดงตัวอย่างการแจกแจงจิตแต่ละดวง โดยเขียนจิตตุปบาทประกอบ
โลภมูลจิตดวงที่ ๑
|
ชื่อ โสมนสฺสสหคตํ ทิฏฺฐิคตสมฺปยุตํ อสงฺขาริกํ แปล จิตที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยความยินดี ประกอบไปด้วยความเห็นผิด โดยไม่มีการชักชวน เจตสิก มีเจตสิกประกอบ ๑๙ ดวง ได้แก่
สัพพสาธารณเจตสิก
๗ ดวง (ผัสสะ เวทนา สัญญา
เจตนา เอกัคคตา ชีวิตินทรีย์ มนสิการ)
รวมเป็น ๑๙
ดวง |
โลภเจตสิก เป็น โลภเหตุ
โมหเจตสิก
เป็น
โมหเหตุ |
สรุป ทั้งโลภเจตสิก และโมหเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ โลภเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีโมหเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย โมหเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุด้วย มีโลภเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุที่เกิดร่วมด้วย เจตสิกที่เหลือ ๑๗ ดวง เป็นธรรมที่มีเหตุ แต่ไม่เป็นเหตุ โลภมูลจิตดวงที่ ๑ นี้ จัดเป็นธรรมที่มีเหตุ ๒ คือ โลภเหตุ และโมหเหตุ เรียกว่า ทวิเหตุกจิต
|
ดังนั้น ถ้าอยากเข้าใจและจำได้ในเรื่องจิต เจตสิก เหตุ ก็กรุณาลงทุนลงแรง ด้วยการรีบไปซื้อสมุดเล่มโตๆ
แล้วเขียนจิตตุปบาทของจิตแต่ละดวงพร้อมรายละเอียด จนครบ ๑๒๑ ดวง ดังที่แสดงให้เป็นตัวอย่างข้างต้น
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ครูที่มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ ท่านพร่ำสอนเสมอว่า
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ยิ่งทำ ยิ่งได้ ทั้งดีและชั่ว
ทำมากได้มาก
...สาธุ..สาธุ..สาธุ
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
Home เวทนาและการนับจิต การเรียกชื่อจิต จิตตุปบาทเรื่องที่ควรรู้