ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม
ความหมายของจิตตุปปาทะ
วิถีจิต และ ขณะ
คำว่า
จิตตุปปาทะ
คือ
จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับเจตสิกที่ประกอบ
ในที่นี้มี ความหมายว่า
ในวิถีนั้นมีจิตเกิดขึ้นกี่ดวง
นับแต่ อาวัชชนจิต
คือ จิตที่รับอารมณ์
ใหม่เป็นต้นไป ส่วน ภวังคจิต
แม้จะมีอยู่ในวิถีนั้นด้วยก็ไม่นับ
เพราะภวังคจิตเป็น
จิตที่รับอารมณ์เก่าดังกล่าวแล้วข้างต้น
จิตเกิดขึ้นในวิถีนั้นกี่ดวงก็นับเรียงดวงไปเลย
ไม่ว่าจิตนั้นจะทำกิจอย่างเดียวกัน
หรือทำกิจต่างกัน เช่น
ชวนจิตในวิถีนั้นมี ๗ดวง หรือ ๗
ขณะ ซึ่งทำชวนกิจอย่างเดียวกัน
ก็นับเป็นจิตตุปปาทะ ๗ ขณะ หรือ ๗
ดวง ตทาลัมพนจิตในวิถีนั้นมี ๒
ดวง หรือ ๒ ขณะ
ซึ่งทำตทาลัมพนกิจอย่างเดียว
ก็นับเป็นจิตตุปปาทะ ๒ ดวง หรือ ๒
ขณะ
คำว่า
วิถีจิต
คือ จิตในวิถีนั้นมีกี่อย่าง
มีความหมายว่า
จิตในวิถีนั้นทำกิจ กี่อย่าง
ทำกิจอย่างหนึ่งก็เรียกว่ามีวิถีจิต
๑ นับแต่อาวัชชนจิต
คือจิตที่รับอารมณ์
ใหม่เป็นต้นไป
เช่นเดียวกับจิตตุปปาทะ
แต่ไม่นับเรียงดวง นับเป็นพวก ๆ
เช่น ชวนจิตมีจิตตุปปาทะ ๗
แต่ทำชวนกิจอย่างเดียวเท่านั้นก็เรียกว่าวิถีจิต
๑,
ตทาลัม
พนจิต ๒ ดวง
ทำตทาลัมพนกิจอย่างเดียวก็เรียกว่า
วิถีจิต ๑ เช่นกัน รวมชวนจิต ๗
ตทาลัมพนจิต ๒ เป็นจิต ๙ ดวง
ก็เรียกว่า มีวิถีจิต ๒ เป็นต้น
คำว่า
ขณะ
คือ
จิตเกิดขึ้นดวงหนึ่งก็นับเป็นขณะหนึ่ง
เรียกว่า ขณะจิต
บางทีก็เรียก ขณะ
เฉย ๆ
แต่ว่าจิตที่เกิดขึ้นดวงหนึ่งที่เรียกว่าขณะหนึ่งนั้น
ยังแบ่ง ได้เป็น ๓ อนุขณะ หรือ ๓
ขณะเล็ก คือ อุปาทขณะ
หมายถึงขณะที่จิตเกิดขึ้น ๑
อนุขณะ,
ฐีติขณะ
หมายถึงขณะที่จิตตั้งอยู่ ๑
อนุขณะ และ ภังคขณะ
หมายถึง ขณะที่จิตนั้นดับไป ๑
อนุขณะ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
ขณะจิตหรือจิตแต่ละดวง
นั้นมีอายุ ๓ อนุขณะ คือ อุปาทขณะ
๑,
ฐีติขณะ
๑,
ภังคขณะ
๑
อนึ่งจิต
๑๗ ขณะ เท่ากับอายุของรูปธรรมรูป
๑ มีความหมายว่า จิตเกิดดับ ไป ๑๗
หน รูปจึงดับไปหนหนึ่ง
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
รูปแต่ละรูปมีอายุเท่ากับ
จิตเกิดดับไป ๑๗ ดวง หรือ ๑๗ ขณะ
หรือ ๑๗ หน
ดังนั้นรูปแต่ละรูปจึงมีอายุ
เท่ากับ ๕๑ อนุขณะ หรือ ๕๑ ขณะเล็ก
เป็น อุปาทขณะ
คือขณะที่รูปเกิดขึ้น ๑ อนุขณะ,
เป็นฐีติขณะ
คือขณะที่รูปตั้งอยู่ ๔๙ อนุขณะ
และเป็นภังคขณะ
คือขณะที่รูปดับไป ๑ อนุขณะ
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า
อุปาทขณะของจิตกับอุปาทขณะของรูปมี
๑ อนุขณะ เท่ากัน
ภังคขณะของจิตกับภังคขณะของรูปก็มี
๑ อนุขณะเท่ากันอีก ส่วนฐีติ
ขณะของจิตก็มี ๑ อนุขณะ
แต่ฐีติขณะของรูปนั้นมีถึง ๔๙
อนุขณะ รูปจึงมีอายุ
ยืนยาวกว่าจิตมาก
รูปที่มีอายุเท่ากับ
๑๗ ขณะจิต หรือ ๕๑ อนุขณะนั้น
มีชื่อเรียกว่า สตฺตรสายุกรูป
รูปธรรมทั้งหมดมี
๒๘ รูป แต่เป็นสตฺตรสายุกรูปคือรูปที่มีอายุ
๑๗ ขณะจิต เพียง ๒๒ รูป เท่านั้น
ส่วนอีก ๖ รูป คือ วิญญัติรูป ๒ และ
ลักขณะรูป ๔ มีอายุไม่ถึง ๑๗
ขณะจิต เพราะ
วิญญัติรูป
๒
เป็นรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและดับไปพร้อมกับจิต
จึงมีอายุเท่า
กับอายุของจิตดวงเดียวคือ ๓
อนุขณะ เท่านั้น
ส่วนลักขณะรูป
๔ นั้น อุปจยรูป กับ สันตติรูป
เป็นรูปที่ขณะแรกเกิด คือ
อุปาทขณะ มีอายุเพียง ๑
อนุขณะเท่านั้น ไม่ถึง ๕๑ ขณะ
ชรตารูป เป็นรูปที่ตั้ง อยู่คือ
ฐีติขณะ มีอายุ ๔๙
อนุขณะเท่านั้นไม่ถึง ๕๑ ขณะ
และอนิจจตารูปที่กำลัง ดับไป คือ
ภังคขณะ ก็มีอายุเพียง ๑ อนุขณะ
ไม่ถึง ๕๑ ขณะ เป็นอันว่าลักขณะ
รูปทั้ง ๔ นี้
แต่ละรูปมีอายุไม่ถึง ๕๑ อนุขณะ
แม้แต่สักรูปหนึ่ง
ก็ไม่มีอายุถึง ๕๑ อนุขณะ
เพื่อให้เข้าใจความหมายและการนับจำนวน
จิตตุปปาทะ วิถีจิต และ ขณะจิต
ได้ง่ายเข้า
ดูภาพประกอบคำอธิบายข้างต้นดังนี้
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ