ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94
95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

อภิญญาวิถี

          อภิญญา แปลว่า รู้ยิ่ง รู้พิเศษ มีความหมายว่า เป็นจิตที่มีความรู้อันยิ่งใหญ่ เป็นพิเศษจนมีอำนาจสามารถที่จะบันดาลให้เกิด สิ่งที่ตนปรารถนาได้ ต้องใช้ รูปาวจรปัญจมฌานกุสล หรือ รูปาวจรปัญจมฌานกิริยา ที่ได้มาจากกสิณ เป็น บาทให้เกิดอภิญญาจิต ดังนั้นอภิญญานี้จึงมีได้แต่ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ เพราะต้องทำ อภิญญาด้วยรูปฌาน

          อภิญญาที่ต้องอาสัยรูปาวจรปัญจมฌานจิตเป็นบาทให้เกิดนั้น มี ๕ ประการ คือ

          . บุพเพนิวาสานุสสติ ระลึกชาติก่อนที่เคยเกิดมาแล้วได้

          . ทิพพจักขุ หรือ จุตูปปาตญาณ คือ ตาทิพย์เหมือนเทวดา และพรหม สามารถเห็นเหตุการณ์ไกล ๆ ที่ไปไม่ถึงได้ และ รู้จุติ ปฏิสนธิ ของสัตว์ทั้งหลาย

          . ปรจิตตวิชชานน หรือ เจโตปริยญาณ รู้จักจิตใจของผู้อื่นได้

          . ทิพพโสต คือ หูทิพย์เหมือนเทวดาและพรหม สามารถฟังเสียงที่ไกล ๆ ได้

          . อิทธิวิธ แสดงอิทธิฤทธิต่าง ๆ ได้

          ผู้ทำอภิญญาได้ ต้องเป็นผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ

          . ได้สมาบัติทั้ง ๘ คือ ได้ทั้งรูปฌานสมาบัติ และอรูปฌานสมาบัติ โดย ครบถ้วน

          . ต้องได้ทำการฝึกฝนอบรม (เป็นพิเศษอีก ๑๔ นัย) เพื่อให้ได้อภิญญา และต้องแคล่วคล่องว่องไวในกระบวนการอบรม (ทั้ง ๑๔ นัย) นั้นด้วย (กระบวน การอบรมเป็นพิเศษ ๑๔ นัยนั้น แสดงไว้ในปริจเฉทที่ ๙)

          เมื่อฌานลาภีบุคคลผู้มีลักษณะดังกล่าว ปรารถนาจะทำอภิญญาอย่างใดอย่าง หนึ่ง ต้องกระทำดังนี้ คือ

          . ต้องเข้ารูปาวจรปัญจมฌานก่อน เพื่อเป็นบาทให้จิตมีกำลังกล้าแข็ง ซึ่ง เรียกชื่อว่า ปาทกฌานวิถี วิถีจิตเป็นดังนี้

                          มโน  ปริ  อุป  อนุ  โค            

          . แล้วก็อธิษฐาน คือ ตั้งความปรารถนา ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่มั่นคง อย่างแรงกล้า ว่าประสงค์อภิญญาอย่างใด ซึ่งเรียกชื่อว่าอธิฏฐานวิถี เป็นกามวิถี ดังนี้

                          มโน               

          . ต่อจากนั้นก็เข้ารูปาวจรปัญจมฌานอีก เรียก ปาทกฌานวิถี เหมือนกัน วิถีจิตเป็นดังนี้

                          มโน  ปริ  อุป  อนุ  โค           

          . ลำดับสุดท้าย อภิญญาจิตก็จะเกิดขึ้นตามความปรารถนาที่ได้อธิษฐานนั้น วิถีนี้จะเกิดอภิญญาจิตขณะเดียวเท่านั้น ดังนี้

                          มโน  ปริ  อุป  อนุ  โค  อภิญญา 

          ขณะที่อภิญญากำลังเกิดอยู่นั้น มโนทวารวิถีที่เกิดต่อจากอภิญญาวิถีนั้น เป็น มหากุสลหรือมหากิริยาตามควรแก่บุคคลที่แสดงอภิญญา และเป็นกามชวนมโน ทวารวิถี

          ถ้าหากว่า ได้กระทำดังกล่าวแล้ว แต่อภิญญายังไม่เกิด ก็ต้องตั้งต้นเริ่มทำมา ตั้งแต่ต้นใหม่อีก จนกว่าอภิญญาจิตจะเกิด

          อนึ่ง ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ จะเห็นได้ว่าบุคคลที่แสดงอภิญญาได้ ก็ด้วย อำนาจแห่งการเจริญ สมถภาวนาจนได้สมาบัติทั้ง ๘ เช่นนี้ท่านเรียกว่า ปฏิปทา สิทธิฌาน ซึ่งมีความหมายว่า สำเร็จถึงซึ่งฌานด้วยการปฏิบัติ

          ยังมีบุคคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งในชาตินั้นไม่เคยเจริญสมถภาวนา เป็นแต่เจริญ วิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ถึงกระนั้นก็ดี บางบุคคลพอบรรลุมัคคผล ก็ถึงพร้อมซึ่ง ฌานด้วย จนถึงแสดงอภิญญาได้ก็มี เช่น พระจุฬปัณถก เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้ว ก็ได้แสดงปาฏิหาริย์เป็นภิกษุหลายรูปจนเต็มพระเชตวัน เช่นนี้ท่านเรียกว่า มัคคสิทธิฌาน ซึ่งมีความหมายว่า ได้ฌานด้วยอำนาจแห่งมัคค



จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...