ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94
95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

ขณะจิตในอติมหันตารมณ์วิถี

          อติมหันตารมณ์วิถี เป็นวิถีจิตที่เกิดทางปัญจทวาร มีถึง ๑๗ ขณะจิต ตาม ลำดับดังต่อไปนี้

          ขณะที่ ๑ อตีตภวังค เป็นภวังคจิตดวงแรกที่กระทบกับอารมณ์ใหม่ หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า อารมณ์ใหม่มากระทบกับภวังคจิตดวงใด ภวังคจิตดวงนั้นได้ชื่อ ว่า อตีตภวังค

          ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ภวังคจิตมี กรรมอารมณ์ หรือกรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นอารมณ์ที่ได้มาจากภพก่อน ซึ่งขอ สมมติเรียกว่าอารมณ์เก่า อตีตภวังคก็คงมีอารมณ์เก่า ยังไม่ได้รับอารมณ์ใหม่ เป็น แต่เพียงอารมณ์ใหม่มากระทบเท่านั้นเอง ดังนั้น จิตดวงนี้จึงยังไม่เรียกว่า วิถีจิต

          ขณะที่ ๒ ภวังคจลนะ เป็นภวังคจิตที่ไหวตัว เพราะเหตุที่มีอารมณ์ใหม่ มากระทบ แต่ยังคงเป็นภวังคจิตที่มีอารมณ์เก่าอยู่ จึงยังไม่เรียกว่าวิถีจิตเหมือนกัน

          ขณะที่ ๓ ภวังคุปัจเฉทะ เป็นภวังคจิตที่ตัดกระแสภวังค คือ ปล่อยอารมณ์ เก่า วางอารมณ์เก่า เพื่อรับอารมณ์ใหม่ที่มากระทบนั้นต่อไป ภวังคุปัจเฉทะนี้ ก็ยัง คงเป็นภวังคจิตที่มีอารมณ์เก่าอยู่ จึงยังไม่เรียกว่าวิถีจิตเช่นเดียวกัน

          อตีตภวังค ภวังคจลนะ และ ภวังคุปัจเฉทะ ทั้ง ๓ ขณะ ที่กล่าวมานี้ ได้แก่ ภวังคจิตดวงเดียวกัน ดวงใดดวงหนึ่งในจำนวนภวังคจิต ๑๕ ดวง (เว้นอรูป วิปากจิต ๔)

          ขณะที่ ๔ ปัญจทวาราวัชชนะ เป็นกิริยาจิตก็เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาอารมณ์ ใหม่ที่มากระทบนั้น ว่าเป็นอารมณ์ที่มาทางทวารไหน จะได้เป็นปัจจัยให้สัญญาณแก่ วิญญาณจิตทางทวารนั้น

          ปัญจทวาราวัชชนจิตนี้เป็นปฐมวิถีจิต คือ เป็นจิตดวงแรกที่ขึ้นวิถี หรือที่นับ เป็นวิถี เพราะจิตดวงนี้ได้รับอารมณ์ใหม่แล้ว และจิตดวงต่อ ๆ ไป ก็รับอารมณ์ ใหม่ และนับเป็นวิถีจิต จนกว่าจะสุดวิถี คือ กลับเป็นภวังคไปตามเดิม

          ขณะที่ ๕ ปัญจวิญญาณ ก็เกิดขึ้นตามควรแก่อารมณ์ คือ

          เป็น          รูปารมณ์          จักขุวิญญาณ            ก็เกิดขึ้น          เห็นรูปนั้น

          เป็น          สัททารมณ์     โสตวิญญาณ            ก็เกิดขึ้น          ได้ยินเสียงนั้น

          เป็น          คันธารมณ์          ฆานวิญญาณ            ก็เกิดขึ้น          รู้กลิ่นนั้น

          เป็น          รสารมณ์          ชิวหาวิญญาณ            ก็เกิดขึ้น          รู้รสนั้น

          เป็น          โผฏฐัพพารมณ์     กายวิญญาณ            ก็เกิดขึ้น          รู้สึกในสัมผัสนั้น

          ขณะที่ ๖ สัมปฏิจฉันนะ  ก็เกิดขึ้นรับอารมณ์จากปัญจวิญญาณเสนอต่อไป ยังสันตีรณะ

          ขณะที่ ๗ สันตีรณะ เกิดขึ้นไต่สวนอารมณ์นั้น ว่าดีหรือไม่ประการใด

          ขณะที่ ๘ โวฏฐัพพนะ คือ มโนทวาราวัชชนจิต ที่ทำหน้าที่ โวฏฐัพพนกิจ ทางปัญจทวารนี้ก็เกิดขึ้น ตัดสินและกำหนดให้เป็นไป กุสล หรือ อกุสล หรือกิริยา ตามควรแก่ มนสิการ และบุคคล

          ขณะที่ ๙ ถึงขณะที่ ๑๕ รวม ๗ ขณะ เป็น ชวนจิต ทั้ง ๗ ขณะ เกิดขึ้น เสพอารมณ์นั้นเป็นกุสล อกุสล กิริยา ตามที่โวฏฐัพพนะได้ตัดสินและกำหนดมานั้น แล้ว

          เสพให้เป็นกุสลก็เป็นกุสลทั้ง ๗ ขณะ ให้เป็นอกุสลหรือกิริยาอย่างใดก็เป็น อย่างนั้นแต่อย่างเดียวตลอดทั้ง ๗ ขณะ

          ชวนจิตที่เกิดได้ในวิถีนี้ ได้เฉพาะกามชวนจิต ๒๙ ดวงเท่านั้น

          ขณะที่ ๑๖ และ ๑๗ ตทาลัมพนะ ก็เกิดขึ้นยึดหน่วงอารมณ์ที่เหลือจาก ชวนะนั้นอีก ๒ ขณะ

          เป็นอันครบ ๑๗ ขณะจิต เป็นอันสิ้นสุดวิถี และสิ้นอายุของอารมณ์ใหม่นั้น ด้วยพอดี แล้วก็กลับเป็นภวังคจิต รับอารมณ์ต่อไปตามเดิม



จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...