ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

. ภูมิของอสุรกาย

ภูมิของอสุรกาย มีชื่อว่า อสุรภูมิ หรือ อสุรกายภูมิ อสุรกายเป็นหมู่สัตว์ จำพวกหนึ่ง ซึ่งไม่สว่างรุ่งโรจน์โดยความเป็นอิสสระ และสนุกรื่นเริง

คำว่า “สว่างรุ่งโรจน์” ไม่ได้หมายถึง รัศมีสีแสงที่ออกจากร่างกาย แต่หมาย ความว่า “มีความเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง เครื่องบริโภคก็แร้นแค้น เครื่องอุปโภคก็ขาด แคลน” ทุกข์ยากลำบากกายเช่นนี้ ใจคอก็ไม่สนุกสนานรื่นเริง เข้าทำนองที่ว่า หน้าชื่นอกตรม

หมู่สัตว์ที่เป็นอสุรา ที่เรียกว่า อสุรกาย นั้น มี ๓ อย่าง คือ

. เทวอสุรา  ได้แก่ อสุรกายที่เป็นเทวดา

. เปตติอสุรา         ได้แก่ อสุรกายที่เป็นพวกเปรต

. นิรยอสุรา ได้แก่ อสุรกายที่เป็นสัตว์นรก

 

เทวอสุรกาย มี ๖ คือ

. เวปจิตตอสุรกาย                     

. ราหุอสุรกาย                            ที่เรียกว่า อสุรกาย เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อ

. สุพลิอสุรกาย                          เทวดาชั้นดาวดึงส์ เทวอสุรกายทั้ง ๕ นี้ อยู่

. ปหารอสุรกาย                         ใต้ภูเขาสิเนรุ แต่สงเคราะห์เข้าในจำพวก

. สัมพรตีอสุรกาย                      เทวดาชั้นดาวดึงส์

. วินิปาติกอสุรกาย  มีรูปร่างก็เล็กกว่า อำนาจก็น้อยกว่าเทวดาชั้นดาว ดึงส์ ที่อยู่ก็อาศัยอยู่ในมนุษย์โลก เช่น ตามป่า ตามเขา ตามต้นไม้ และตามศาลที่ เขาปลูกไว้ สงเคราะห์เข้าในจำพวกเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา

เปตติอสุรกายมี ๓ คือ

. กาลกัญจิกเปรตอสุรกาย มีร่างกายใหญ่โต แต่ไม่ใคร่มีแรง เพราะมีเลือด เนื้อน้อย มีสีสรรคล้ายใบไม้แห้ง ตาโปนออกมาคล้ายกับตาของปู มีปากเท่ารูเข็ม และตั้งอยู่กลางศีรษะ ที่เรียกเปรตจำพวกนี้ว่าอสรุกาย เพราะไม่สว่างรุ่งโรจน์

. เวมานิกเปรตอสุรกาย เสวยทุกข์ในเวลากลางวัน แต่กลางคืนได้เสวยสุข เหมือนกับความสุขในชั้นดาวดึงส์ และเพราะเหตุว่าเปรตจำพวกนี้ได้เสวยสุขในเวลา กลางคืนเหมือนกับเทวดาชั้นดาวดึงส์นี้แหละ จึงได้เรียกว่า อสุรา

. อาวุธิกเปรตอสุรกาย เป็นจำพวกเปรตที่ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ด้วยอาวุธต่าง ๆ ที่เรียกเปรตจำพวกนี้ว่าเป็นอสุรกาย เพราะมีความเป็นอยู่ตรงข้าม กับเทวดาชั้นดาวดึงส์ กล่าวคือ เทวดาชั้นดาวดึงส์มีความรักใคร่ซึ่งกันและกัน ส่วน อาวุธิกเปรตนี้ มีแต่การประหัตประหารซึ่งกันและกัน

นิรยอสุรกาย มี ๑ เท่านั้น

นิรยอสุรกาย มีอย่างเดียว เป็นสัตว์นรกจำพวกหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นอยู่ เหมือนค้างคาว เกาะอยู่ตามขอบจักรวาฬ หิวกระหายเป็นกำลัง เกาะไปพลาง ไต่ไป พลาง ไปพบพวกเดียวกัน โผเข้าไปจะจิกกินเป็นอาหาร ก็พลัดตกลงไปในน้ำกรด ข้างล่างละลายไปทันทีแล้วเกิดขึ้นมาใหม่ ตกตายไปอีกวนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะ หมดกรรม

ที่เรียกสัตว์นรกจำพวกนี้เป็นอสุรกาย ก็เพราะว่ามีอารมณ์ตรงกันข้ามกับ เทวดาชั้นดาวดึงส์ กล่าวคือ เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอารมณ์ล้วนแต่ที่เป็นอิฏฐารมณ์ ส่วนนิรยอสุรกายนี้มีแต่อนิฏฐารมณ์ทั้งสิ้น

รวมความว่า อสุรภูมิ หรืออสุรกายภูมินี้ ถ้าจะสงเคราะห์ก็สงเคราะห์เข้าใน เปตภูมิ แต่เป็นเปรตจำพวกที่มีความเป็นอยู่เป็นพิเศษ เปรตพิเศษนี่แหละที่เรียกว่า อสุรกาย


?????? ?????????? ???????????????????? ???...
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...