ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 ค้นหาหัวข้อธรรม
๑.
ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
เป็นกรรมที่สนองผลในปัจจุบันชาติ
คำว่า ทิฏฐธรรม หมายความว่า
ผลที่ได้ประจักษ์แก่ตน เวทนีย
แปลว่า การเสวยต่อผลนั้น รวม
หมายความว่า
ได้เสวยผลที่ประจักษ์แก่ตนในภพนี้ชาตินี้
การได้เสวยผลของกรรมประจักษ์แก่ตนในภพนี้ในชาติปัจจุบันนี้
ก็คือ กรรม
ที่ได้กระทำในภพนี้นั่นแหละให้ผลในปวัตติกาลในชาตินี้นั่นเอง
ไม่ติดตามข้ามภพ
ข้ามชาติไปให้ผลในชาติที่ ๒
หรือชาติต่อ ๆ ไปได้อีก
เมื่อได้กระทำกรรมลงไปแล้ว
และได้ผลภายใน ๗ วัน เรียกว่า
ปริปักกทิฏฐ ธรรมเวทนียกรรม
แต่ถ้าได้ผลภายหลัง ๗
วันไปแล้วเรียกว่า
อปริปักกทิฏฐธรรม เวทนียกรรม
ตัวอย่างเช่น
มหาทุคคตะได้ถวายภัตตาหารแก่พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
และ
นายปุณณะกับภริยาซึ่งเป็นคนยากจน
ได้ถวายภัตตาหารแก่พระสารีบุตร
ต่างก็ ร่ำรวย เป็นเศรษฐีภายใน ๗
วัน
พระเทวทัตที่กระทำโลหิตุปบาท
กระทำสังฆเภทกกรรมก็ดี
นันทมานพที่
ทำลายพระอุบลวัณณาเถรีผู้เป็นพระอรหันต์ก็ดี
โกกาลิกพราหมณ์ที่บริภาษพระอัคร
สาวกทั้ง ๒ ก็ดีต่างก็ถูกธรณีสูบ
เหล่านี้ล้วนแต่เป็น
ปริปักกทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
ทั้งนั้น
ส่วนอปริปักกทิฏฐธรรมเวทนียกรรมนั้นทางกุสลก็ได้รับผลคือ
เกียรติคุณแพร่
หลายมีบุญญาภินิหารและได้รับความยกย่องสรรเสริญ
ในทางอกุสลก็ตรงกันข้าม
อนึ่ง
ในธรรมบทอรรถกถาแสดงว่า
ที่จะได้รับผลสนองเป็นปริปักกทิฏฐธรรม
เวทนียกรรมนั้น
ต้องถึงพร้อมด้วยสัมปทาทั้ง ๔
คือ
๑.
เจตนาสัมปทา มีเจตนาอันแรงกล้ายิ่งในการทำกุสลนั้น
๒.
ปัจจยสัมปทา ปัจจัยที่ทำกุสลนั้นได้มาด้วยความบริสุทธิ์
๓.
วัตถุสัมปทา
บุคคลที่รับทานนั้นเป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์
๔.
คุณติเรกสัมปทา พระอนาคามี
หรือพระอรหันต์ที่รับทานนั้น
ถึงพร้อม ด้วยคุณอันพิเศษ คือ
เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ
การได้รับผลในชาตินี้
ที่เรียกว่า
ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมนี้
ด้วยอำนาจของ
เจตนาในกุสลชวนกรรม
หรือกุสลชวนกรรมดวงที่ ๑ ในชวนะ ๗
ดวง ของแต่ละ วิถี
แต่ว่าถ้าเจตนากรรมในชวนะดวงที่
๑ ไม่มีโอกาสให้ผลแล้ว
ก็เป็นอโหสิกรรม
แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของเจตนากรรมในชวนะ
ดวงที่ ๗ จะให้ผลในชาติที่ ๒ หรือ
เป็นหน้าที่ของเจตนากรรมในชวนะดวงที่
๒ ถึงดวงที่ ๖ จะให้ผลในชาติที่ ๓
เป็นต้นไป
ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างอื่น
ดังจะกล่าวต่อไป
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ