ปริจเฉทที่ ๖ รูปสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

ตามนัยแห่งภูมิ

      ในภูมิใดรูปจะเกิดได้กี่รูป หรือ ในภูมิใดจะมีรูปได้กี่รูป กล่าวโดยทั่ว ๆ ไป  ยังไม่จำแนกตามนัยแห่งกาล และตามนัยแห่งกำเนิด ของสัตว์ในภูมินั้น ๆ แล้วมี ดังนี้

       ในกามภูมิ ย่อมเกิดรูปได้ทั้ง ๒๘ รูป ในรูปภูมิย่อมเกิดรูปได้ ๒๓ รูป, ใน อสัญญสัตตภูมิ ย่อมเกิดรูปได้เพียง ๑๗ รูป, ในอรูปภูมิไม่มีรูปเกิดขึ้นเลย

อธิบาย

       . ในกามภูมิ ๑๑ ภูมิ รูปทั้ง ๒๘ รูป เกิดได้ครบ แต่ถ้ากล่าวโดยบุคคล แต่ละบุคคลแล้ว ถ้าเป็นอิตถีเพศ ก็ต้องเว้นปุริสภาวรูป และถ้าเป็นบุรุษเพศ ก็ต้อง เว้นอิตถีภาวรูป เป็นอันว่าบุคคลในกามภูมิแต่ละบุคคล มีรูปบุคคลละ ๒๗ รูป

       แต่บางบุคคลอาจจะบกพร่อง มีไม่ถึง ๒๗ รูปก็ได้ เช่น ตาบอด ก็ไม่มี จักขุปสาทรูป หูหนวกก็ไม่มีโสตปสาทรูป เป็นต้น ไม่เหมือนกับพรหมบุคคล

      . ในรูปภูมิ ๑๕ ภูมิ (เว้นอสัญญสัตตภูมิ) มีรูปเกิดได้เพียง ๒๓ รูป เท่านั้น โดยเว้น ฆานปสาทรูป ,ชิวหาปสาทรูป ,กายปสาทรูป ,อิตถีภาวรูป และ ปุริสภาวรูป

       ที่เว้น ปสาทรูป ๓ และภาวรูป ๒ นั้น เพราะรูปทั้ง ๕ รูปนี้เป็นรูปที่เป็น ปัจจัยสนับสนุนก่อให้เกิดกามคุณอารมณ์เป็นส่วนมาก อันล้วนแต่เป็นโทษอย่าง เดียวพรหมบุคคลเป็นผู้ที่ปราศจากกามฉันทะดังนั้นรูปทั้ง๕จึงไม่เกิดมีแก่พวกพรหม

       ส่วนจักขุปสาทรูปและโสตปสาทรูปเกิดมีแก่พวกพรหมได้  เพราะปสาทรูป ทั้ง ๒ นี้ มิใช่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดกามคุณอารมณ์ที่จะเป็นโทษแต่อย่างเดียว ย่อมมี คุณประโยชน์เป็นอย่างยิ่งได้อีกด้วย กล่าวคือ นัยน์ตาก็เป็นประโยชน์ในการที่ได้เห็น ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ หูก็มีประโยชน์ในการที่จะได้ฟังธรรมอันประเสริฐ ถึงกับได้ รับความยกย่อง เรียกว่าเป็นทัสสนานุตตริยคุณ และ สวนานุตตริยคุณ คือ เป็นคุณ อย่างล้นพ้นแก่การเห็น เป็นคุณอย่างล้นพ้นแก่การฟัง ดังนั้น พรหมจึงยังคงมี จักขุปสาทรูป และโสตปสาทรูปอยู่

       พรหมในรูปภูมิทั้ง ๑๕ ภูมินี้ แต่ละบุคคลมีรูปครบทั้ง ๒๓ รูป ทั่วทุกบุคคล ไม่มีขาดตกบกพร่องเหมือนบุคคลในกามภูมิ ดังที่กล่าวแล้วในข้อ ๑ คือ ไม่มีพรหม ตาบอด พรหมหูหนวก แต่นัยน์ตาของพรหมทำให้เห็นใด้ไกลมากจนถึงขนาดเป็น ตาทิพย์ และหูของพรหมก็ทำให้ได้ยินได้ไกลมากจนถึงขนาดเป็นหูทิพย์

       . ในอสัญญสัตตภูมิ ๑ ภูมิ นั้น มีรูปเกิดได้เพียง ๑๗ รูป คือ อวินิพ โภครูป ๘, ชีวิตรูป ๑, ปริจเฉทรูป ๑, วิการรูป ๓ และลักขณรูป ๔

       . ส่วน อรูปภูมิทั้ง ๔ ภูมิ นั้น ไม่มีรูปเกิดขึ้นเลย ทั้งนี้เพราะท่านเจริญ รูปวิราคภาวนา คือ ไม่ยินดี และไม่ปรารถนาจะมีรูป

       . ที่กล่าวตามข้อ ๑-๔ เป็นการกล่าวตามจำนวนรูปธรรมเรียงเป็นรูป ๆ ไป ข้อต่อไปจะกล่าวเป็นกลาป ๆ คือ เป็นกลุ่ม ๆ เป็นมัด ๆ แต่ในข้อนี้จะแสดง การเกิดขึ้นของรูปกลาปของมนุษย์ที่ยังอยู่ในครรภ์มารดาก่อน ดังนี้

       ปฏิสนธิจิต เป็นจิตดวงแรกที่สืบเนื่องต่อภพต่อชาติใหม่ ที่อุปาทขณะของ ปฏิสนธิจิตนี้ มี กัมมชกลาป ๓ กลาป ได้แก่

   กายทสกกลาป

   หทยทสกกลาป

   ภาวทสกกลาป

       ปฏิสนธิจิต ที่ฐีติขณะ มีอุตุชกลาป เริ่มเกิด

       ภวังคจิต เป็นจิตดวงที่ ๒ ในภพใหม่ และเป็นภวังคจิตดวงแรก ในภพใหม่ นั้น ที่อุปาทขณะของปฐมภวังคจิตนี้ จิตตชกลาปเริ่มเกิด

.    กลลสตฺตาห เป็นน้ำใส ๑ สัปดาห์ เกิด กายทสกกลาป, หทยทสก     กลาป, ภาวทสกกลาป, อุตุชกลาป และจิตตชกลาป (เป็นหยาดน้ำใส      เหมือนน้ำมันงา)

.    อมฺพุชสตฺตาห เป็นฟองน้ำ ๑ สัปดาห์   (มีลักษณะเป็นฟอง สีเหมือน         น้ำล้างเนื้อ)

. เปสิสตฺตาห เป็นเมือกไข ๑ สัปดาห์ อาหารชกลาปเริ่มเกิด (มีลักษณะ        เหมือนชิ้นเนื้อเหลว ๆ สีแดง)

.    ฆนสตฺตาห เป็นก้อนไข ๑ สัปดาห์   (มีลักษณะเป็นก้อน มีสัณฐาน   เหมือนไข่ไก่)

.    ปสาขสตฺตาห เกิดปุ่มทั้งห้า ๑ สัปดาห์ (ได้แก่ แขน๒ ขา๒ ศีรษะ๑)

.    ปริปากสตฺตาห ขยายตัว ๕ สัปดาห์ สัปดาห์ที่ ๖ ชีวิตนวกกลาป       เริ่มเกิด

.    จกฺขาทิสตฺตาห อายตนะเกิด ๑ สัปดาห์ เกิดจักขุทสกกลาป, ฆาน     ทสกกลาป, ชิวหาทสกกลาป

.    ปริปากสตฺตาห เจริญเติบกล้า ๓๐ สัปดาห์

.    เกสาทิสตฺตาห โกฏฐาสเกิด ๑ สัปดาห์ (ตั้งแต่สัปดาห์ที่ ๑๒ ถึง ๔๒   ผม ขน เล็บ ก็ปรากฏตามลำดับ)

รวม ๔๒ สัปดาห์ x ๗ วัน  = ๒๙๔ วัน

       . ในกามภูมิ ๑๑ ภูมมีกลาปเกิดได้ครบทั้ง ๒๑ กลาปคือ กัมมชกลาป ๙, จิตตชกลาป ๖, อุตุชกลาป ๔, อาหารกลาป ๒

       แต่ละบุคคลก็ต้องเว้น อิตถีภาวทสกกลาป หรือปุริสภาวทสกกลาป ตามควร แก่บุคคล และถ้าบุคคลใดมีความบกพร่อง เช่น ตาบอด หูหนวก ก็ต้องเว้นจักขุ ทสกกลาป โสตทสกกลาป ตามควรแก่ที่สัตว์นั้นบกพร่อง

       มีข้อควรสังเกตอยู่ว่า ความบกพร่องนี้มีเฉพาะในกัมมชกลาปเท่านั้น

       . ในรูปภูมิ ๑๕ ภูม(เว้นอสัญญสัตตภูมิ) มีกลาปเกิดได้เพียง ๓ ประเภท เท่านั้น คือ กัมมชกลาป จิตตชกลาป และ อุตุชกลาป ส่วนอาหารชกลาปไม่มี เพราะพรหมบุคคลไม่ต้องกลืนกินอาหาร

       อนึ่ง กัมมชกลาป ๙ ก็เกิดได้เพียง ๔ กลาป ได้แก่ จักขุทสกกลาป โสต ทสกกลาป  หทยทสกกลาป  และ ชีวิตนวกกลาป

       ส่วนฆานทสกกลาป ชิวหาทสกกลาป กายทสกกลาป อิตถีภาวทสกกลาป และ ปุริสภาวทสกกลาป รวม ๕ กลาปนี้ ไม่มี

       . ในอสัญญสัตตภูมิ ๑ ภูมิ มีกลาปเกิดได้เพียง ๒ สมุฏฐาน คือ กัมมช กลาป และ อุตุชกลาป เท่านั้น

       ส่วนจิตตชกลาปไม่มี เพราะอสัญญสัตตพรหมไม่มีจิต ด้วยท่านเจริญ สัญญา วิราคภาวนา อาหารชกลาปก็ไม่มี เพราะไม่ต้องกลืนกินอาหารเช่นเดียวกับพรหม ทั้งหลาย

       อนึ่ง กัมมชกลาป ก็เกิดได้กลาปเดียวเท่านั้น คือ ชีวิตนวกกลาป ส่วนอุตุช กลาป เกิดได้ ๒ กลาป คือ สุทธัฏฐกลาป และ ลหุตาทิเอกาทสกกลาป

?????? ?????????? ???????????????????? ???...
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...