ปริจเฉทที่ ๗ สมุจจยสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81 82 83 ค้นหาหัวข้อธรรม
อกุสลสังคหะกองที่
๑ อาสวะ ๔
อาสวนฺติ
จิรํ ปริวสนฺตีติ อาสวา ฯ
สิ่งใดถูกหมักดองอยู่นาน ๆ
สิ่งนั้น ชื่อว่า อาสวะ
อาสว
=อา(วัฏฏทุกข์ที่ยาวนาน
หากำหนดมิได้)+สว(เจริญรุ่งเรือง)
= ธรรม
ที่ทำให้วัฏฏทุกข์อันยาวนาน
ไม่มีกำหนดนั้น
เจริญรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด
อายตํ
สงฺสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺติ
วฑฺเฒนฺตีติ อาสวา ฯ
ธรรมเหล่าใด
ทำให้วัฏฏทุกข์ที่ยาวนานนั้นเจริญรุ่งเรือง
ธรรมเหล่านั้นชื่อว่า อาสวะ
ภวโต
อาภวคฺคา ธมฺมโต อาโคตฺรภุมฺหา
สวนฺติ อารมฺมณกรณวเสน
ปวตฺตนฺตีติ อาสวา ฯ
ธรรมเหล่าใดไหลไปถึงหรือเกิดได้ถึง
ว่าโดยภูมิถึงภวัคคภูมิ
ว่าโดยธรรมถึงโคตรภู
ด้วยอำนาจกระทำให้เป็นอารมณ์
ธรรมเหล่านั้นชื่อว่า อาสวะ
อาสว
=
อา(มีขอบเขตถึงภวัคคภูมิ
คือเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
หรือมี ขอบเขตถึงโคตรภู)
+ สว(เกิดได้ไหลไปได้)
กิเลสนี่แหละ
เมื่อเกิดบ่อย ๆ ก็เคยชิน
เลยสะสมจมดองอยู่ในจิตตสันดาน
ครั้นจิตประสบกับอารมณ์ใด
ด้วยความเคยชินของกิเลสที่หมักหมมจมดองอยู่
ก็ขึ้น
มาปรุงแต่งจิตให้น้อมไปตามกิเลสนั้น
ๆ
อาการที่หมักหมมจมดองอยู่เช่นนี้
จึงเรียก ว่า อาสวะ
เมื่อยังมีอาสวะอยู่ตราบใด
ตราบนั้นก็ยังต้องวนเวียนอยู่ใน
สังสารวัฏฏ
ขนฺธานญฺจ
ปฏิปาฏิ ธาตุอายตนานญฺจ
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา สํสาโรติ
ปวุจฺจติ ฯ
(อัฏฐสาลินี)
แปลความว่า
ลำดับของขันธ์ ธาตุ อายตนะ
ที่เป็นอยู่โดยไม่ขาดสายนั้น
เรียกว่า สังสาระ
อาสวะมี
๔
ประการ คือ
๑.
กามาสวะ
จมอยู่ในความติดใจแสวงหากามคุณทั้ง
๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส
และการสัมผัสถูกต้อง
องค์ธรรมได้แก่
โลภเจตสิกที่ในโลภมูลจิต ๘
๒.
ภวาสวะ
จมอยู่ในความชอบใจยินดีในอัตภาพของตน
ตลอดจนชอบใจ อยากได้ในรูปภพ
อรูปภพ องค์ธรรมได้แก่
โลภเจตสิกที่ในทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต
๔
๓.
ทิฏฐาสวะ
จมอยู่ในความเห็นผิดจากความเป็นจริงแห่งสภาวธรรมหรือผิด
ทำนองคลองธรรม
จึงมีความติดใจในความเห็นผิดนั้น
องค์ธรรมได้แก่ ทิฏฐิเจตสิก
ที่ในทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔
๔.
อวิชชาสวะ
จมอยู่ในความไม่รู้เหตุผลตามความเป็นจริง
จึงได้ โลภ โกรธ หลง
องค์ธรรมได้แก่ โมหเจตสิก
ที่ในอกุสลจิต ๑๒
รวมอาสวะมี
๔
แต่วัตถุธรรมหรือองค์ธรรมมีเพียง
๓ เท่านั้นคือ โลภเจตสิก
ทิฏฐิเจตสิก
และ โมหเจตสิก
อัฏฐสาลินีอรรถกถา
แสดงความหมายแห่งอาสวะทั้ง ๔
นี้ว่า
ปญฺจกามคุณิโก
ราโค กามาสโว นาม ฯ
ความติดใจใคร่ได้ในกามคุณ ๕
ชื่อว่า กามาสวะ
รูปารูป
ภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ
สสฺสตทิฏฺฐิ สหชาโต ราโค ภววเสน
ปตฺถนา ภวาสโว นาม ฯ
ความชอบใจรักใคร่ในรูปภพ อรูปภพ
ความใคร่ในฌาน
ราคะที่เกิดพร้อมด้วยสัสสตทิฏฐิ
ความปรารถนาด้วยอำนาจมุ่งภพ
ชื่อว่า ภวาสวะ
ทฺวาสฏฺฐีทิฏฺฐิโย
ทิฏฺฐิสโว นาม ฯ
ทิฏฐิ ๖๒ ชื่อว่า ทิฏฐาสวะ
อฏฺฐสุ
ฐาเนสุ อญฺญานํ อวิชฺชาสโว นาม ฯ
ความไม่รู้ในฐาน ๘ ชื่อว่า
อวิชชาสวะ
ไม่รู้ในฐาน
๘ คือ ไม่รู้อริยสัจ ๔,
ไม่รู้อดีต
๑,
ไม่รู้อนาคต
๑,
ไม่รู้ทั้งอดีต
ทั้งอนาคต ๑,
และไม่รู้ปฏิจจสมุปปาท
๑
กามาสโว
อนาคามิมคฺเคน ปหียตี ภวาสโว
อรหตฺตมคฺเคน ทิฏฺฐาสโว
โสตาปตฺติมคฺเคน อวิชฺชาสโว
อรหตฺตมคฺเคน ฯ
อนาคามิมัคค
ประหาร
กามาสวะ
อรหัตตมัคค
ประหาร
ภวาสวะ
โสดาปัตติมัคค
ประหาร
ทิฏฐาสวะ
อรหัตตมัคค
ประหาร
อวิชชาสวะ
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ