ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94
95 96
ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

องค์ที่ ๑ อวิชชา

อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร คือ สังขารอันเป็นปัจจยุบบันนธรรมจะ ปรากฏขึ้น ก็เพราะมีอวิชชาอันเป็นปัจจัยธรรมนั้นเป็นสาเหตุ จึงเลยพูดกันสั้น ๆ ว่าอวิชชาเป็นเหตุ สังขารเป็นผล

อวิชชาที่เป็นสาเหตุให้เกิดสังขารนั้น มีลักขณาทิจตุกะดังนี้

อญาณ ลกฺขณา               มีความไม่รู้หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อปัญญา เป็นลักษณะ

สมฺโมหน รสา                  ทำให้สัมปยุตตธรรม และผู้ที่โมหะกำลังเกิดอยู่นั้น มีความหลง ความมืดมน เป็นกิจ

ฉาทน ปจฺจุปฏฺฐานา         ปกปิดสภาวะที่มีอยู่ในอารมณ์นั้น ๆ เป็นผล

อาสว ปทฏฺฐานา               มีอาสวะ เป็นเหตุใกล้

อวิชชา นี้องค์ธรรมได้แก่ โมหเจตสิก คือความไม่รู้นั่นเอง ไม่รู้ในที่นี้หมาย เฉพาะไม่รู้ธรรม ๘ ประการ อันได้แก่ ไม่รู้อริยสัจ ๔, ไม่รู้อดีต ๑, ไม่รู้อนาคต ๑, ไม่รู้ทั้งอดีตและอนาคต ๑ และไม่รู้ปฏิจจสมุปปาทธรรม ๑

เพราะความไม่รู้ คือ โมหะ หรืออวิชชานี่เอง เป็นปัจจัย เป็นสิ่งที่อุปการะ ช่วยเหลือให้เกิดสังขาร ให้เกิดมีการปรุงแต่งขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวว่า อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารเป็นปัจจยุบบันน สังขารอันเป็นปัจจยุบบันนของอวิชชานี้จัดได้เป็นสังขาร ๓ คือ อบุญญาภิสังขาร บุญญาภิสังขาร และ อาเนญชาภิสังขาร

. อบุญญาภิสังขาร จงใจปรุงแต่งให้เป็นบาป องค์ธรรมได้แก่ เจตนาใน อกุสลจิต ๑๒ เมื่อเจตนาปรุงแต่งให้เกิดบาปเช่นนี้ ก็เป็นทางที่จะนำไปให้ปฏิสนธิ ในอบายภูมิ เจตนาทำบาปอันจะส่งผลให้ปฏิสนธิในอบายภูมินี้ เห็นได้ชัดว่าเป็น ด้วยอำนาจแห่งโมหะ คือ อวิชชาโดยตรงทีเดียว

. บุญญาภิสังขาร จงใจปรุงแต่งให้เป็นบุญ องค์ธรรมได้แก่ เจตนาใน มหากุสล ๘ และเจตนาในรูปาวจรกุสลจิต ๕ รวมเป็นเจตนา ๑๓ เมื่อเจตนาปรุง แต่งให้เกิดกุสลกรรมเช่นนี้ ก็เป็นทางที่จะให้ได้ปฏิสนธิเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็น รูปพรหม ตามควรแก่กรรมนั้น ๆ เจตนาทำกุสลอย่างนี้ก็นับว่าดีมากอยู่ แต่ว่า ยังไม่ถึงดีที่สุด เพราะว่ายังไม่พ้นทุกข์ จะต้องกลับมาวนเวียนในสังสารวัฏฏอีก กุสลที่ประเสริฐสุด คือ โลกุตตรกุสลอันจะทำให้พ้นทุกข์ได้เด็ดขาด ไม่ต้องกลับมา วนเวียนในสังสารวัฏฏอีกเลยก็มี แต่ไม่มีเจตนาปรุงแต่งให้กุสลอันประเสริฐสุดนั้น เกิดขึ้น จึงได้ชื่อว่า ยังมีอวิชชาอยู่ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เพราะไม่รู้ว่ากุสลอันยิ่งกว่า นั้นก็มี จึงเจตนาทำเพียงมหากุสลกรรมและรูปาวจรกุสลกรรมเท่านั้น

. อาเนญชาภิสังขาร จงใจปรุงแต่งให้เป็นบุญชนิดที่ไม่หวั่นไหว คือตั้ง อยู่ในอุเบกขาพรหมวิหารได้นานเหลือเกิน องค์ธรรมได้แก่ เจตนาในอรูปาวจร กุสลจิต ๔ เมื่อเจตนาปรุงแต่งให้เกิดกุสลกรรมถึงปานนี้ ก็ส่งผลให้ไปปฏิสนธิเป็น อรูปพรหม เสวยบรมสุขอยู่นานช้า ถึงกระนั้น ก็ได้ชื่อว่า ยังไม่พ้นไปจากอวิชชา ตามนัยที่กล่าวแล้วในข้อ ๒ นั้น

อีกนัยหนึ่งสังขารอันเป็นปัจจยุบบันนธรรมของอวิชชานี้ได้แก่ สังขาร ๓ คือ

. กายสังขาร คือ เจตนาที่ปรุงแต่งกายทุจจริต และกายสุจริตให้เป็นผล สำเร็จลง องค์ธรรมได้แก่ อกุสลเจตนา ๑๒ และ มหากุสลเจตนา ๘ ที่เกี่ยวกับ ทางกาย

. วจีสังขาร คือ เจตนาที่ปรุงแต่งวจีทุจจริตและวจีสุจริตให้เป็นผลสำเร็จลง องค์ธรรมได้แก่ อกุสลเจตนา ๑๒ และมหากุสลเจตนา ๘ ที่เกี่ยวกับทางวาจา

. จิตตสังขาร คือ เจตนาที่ปรุงแต่งมโนทุจจริต และมโนสุจริตให้เป็น ผลสำเร็จลง องค์ธรรมได้แก่ อกุสลเจตนา ๑๒ และโลกียกุสลเจตนา ๑๗ ที่เกี่ยว กับทางใจ

รวมสังขาร ๓ ก็ดี หรือจะว่าสังขารทั้ง ๖ ดังกล่าวแล้วนี้ก็ดี ก็ได้แก่ เจตนา ๒๙ หรือ กรรม ๒๙ นั่นเอง

โดยเฉพาะ โลกุตตรกุสลเจตนา นั้นได้ชื่อว่า เป็นบุญก็จริง แต่ไม่จัดเป็น บุญญาภิสังขาร หรืออาเนญชาภิสังขาร เพราะโลกุตตรกุสลนั้นไม่มีหน้าที่ทำให้เกิด ภพเกิดชาติอันเป็นวัฏฏะ แต่มีหน้าที่ทำลายภพทำลายชาติอันเป็นการตัดวัฏฏะ จึง ไม่เกี่ยวกับ ปฏิจจสมุปปาทนี้

อนึ่งตามนัยแห่ง พระสุตตันตปิฎก ก็แสดงสังขาร ๓ ไว้อีกนัยหนึ่ง คือ

กายสังขาร             ธรรมชาติที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ และปัสสาสะ

วจีสังขาร                ธรรมชาติที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก วิจาร

จิตตสังขาร             ธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิต ได้แก่ สัญญา  เวทนา หรืออีกนัย หนึ่งว่าได้แก่ เจตสิก ๕๐ ดวง (เว้น วิตก วิจาร)

สรุปความในบท อวิชชาเป็นปัจจัยแก่สังขารนี้ได้ว่า อวิชชาที่เป็นปัจจัยให้เกิด สังขารนั้น ได้แก่ โมหะ สังขารอันเป็นปัจจยุบบันนธรรมของอวิชชานั้น ได้แก่ เจตนา ๒๙ หรือกรรม ๒๙

เพราะไม่รู้ว่าธรรมที่ดับสิ้นแห่งทุกข์นั้นมี คือ ยังมีโมหะมีอวิชชาอยู่ จึงเป็น ปัจจัยให้กระทำกรรม ๒๙ อันจะต้องวนเวียนอยู่ในสังสารทุกข์ ไม่พ้นทุกข์ไปได้


สอบถาม ปัญหาธรรมะ ได้ที่ลานธรรมมูลนิธิ ค่ะ...
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...