ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74
75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม
อาเนญชาภิสังขาร
๑.
อาเนญชาภิสังขาร
ได้แก่เจตนาในอรูปาวจรกุสลจิต
๔ ดวง เป็นปัจจัย ธรรม
ให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณเป็นปัจจยุบบันนธรรมในปฏิสนธิกาล
คือ อรูปาวจร วิบากจิต ๔
ให้ปฏิสนธิเป็นอรูปพรหมในอรูปภูมิ
ซึ่งเรียกว่าเป็นจำพวก ติเหตุก
บุคคล
๒.
อาเนญชาภิสังขาร
ได้แก่เจตนาในอรูปาวจรกุสลจิต
๔ ดวง เป็นปัจจัย ธรรม ให้เกิดปวัตติวิญญาณเป็นปัจจยุบบันนธรรมในปวัตติกาล
คือ อรูปาวจรวิบาก จิต ๔
ทำหน้าที่ภวังคกิจ
รักษาภพรักษาชาตินั้น ๆ
และทำหน้าที่จุติกิจอีกด้วย
ในบทสังขารเป็นปัจจัยแก่วิญญาณนี้
มีข้อที่ควรสังเกตอยู่ว่า
สังขาร
๓ ที่เป็นเหตุให้เกิดวิญญาณ
จำแนกได้เป็น ๒ ประเภท คือ
สังขาร ๓
ที่เป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณนั้น
ได้แก่ เจตนา ๒๘ เท่านั้น
โดยต้องเว้น อุทธัจจเจตนาเสีย
๑ เพราะอุทธัจจเจตนาไม่สามารถส่งผลให้เป็นปฏิสนธิได้
ส่วน สังขาร ๓
ที่เป็นปัจจัยให้เกิดปวัตติวิญญาณนั้น
ได้แก่ เจตนาทั้ง ๒๙ ดวง
เหตุที่อุทธัจจเจตนาไม่สามารถให้ผลเป็นปฏิสนธิได้นั้น
ได้กล่าวไว้ในปริจเฉท ที่ ๕
หมวดที่ ๓ กัมมจตุกะ
ตอนที่ตั้งแห่งวิบากจิต (ปากฐาน)
นั้นแล้ว
วิญญาณที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขาร
ก็จำแนกได้เป็น ๒ จำพวก คือ
ปฏิสนธิวิญญาณ ได้แก่
ปฏิสนธิจิต ๑๙ และปวัตติวิญญาณ
ได้แก่ โลกียวิบาก วิญญาณ ๓๒
โลกียวิบากวิญญาณ
๓๒ นั้น เกิดได้ในปวัตติกาลอย่างเดียว
มี ๑๓ ดวง คือ ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐,
สัมปฏิจฉันนจิต
๒ และ โสมนัสสันตีรณจิต ๑
ส่วนปฏิสนธิ วิญญาณ ๑๙ นั้น
นอกจากทำปฏิสนธิกิจในปฏิสนธิกาลโดยตรงแล้ว
ในปวัตติกาล ก็ยังเกิดจิต ๑๙
ดวงนี้ได้
แต่ว่าเกิดขึ้นมาทำกิจอย่างอื่น
ซึ่งไม่ใช่ปฏิสนธิกิจ
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ