ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค

หน้าที่ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74
75
76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94
95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม

ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์...

องค์ที่ ๖ ผัสสะ

ผัสสะ เป็นปัจจัยแก่ เวทนา คือ เวทนาจะปรากฏขึ้นได้ก็เพราะมีผัสสะเป็น ปัจจัย ผัสสะมีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้

ผุสน ลกฺขโณ                  มีการกระทบอารมณ์ เป็นลักษณะ

สงฺฆฏฺฏน รโส                 มีการประสานจิตกับอารมณ์ เป็นกิจ

สงฺคติ ปจฺจุปฏฺฐาโน         มีการประชุมร่วมพร้อมกันระหว่างวัตถุ อารมณ์และ วิญญาณ เป็นผล

สฬายตน ปทฏฺฐาโน        มีอัชฌัตติกายตนะ ๖ เป็นเหตุใกล้

ในบทก่อน ผัสสะ ที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสฬายตนะนั้น ได้แก่ ผัสสะ ๖ มีจักขุสัมผัสสะ เป็นต้น มีมโนสัมผัสสะ เป็นที่สุด

ในบทนี้ ผัสสะ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา ก็ได้แก่ ผัสสะ ๖ นั่นเอง เวทนาที่ เป็นปัจจยุบันนธรรมของผัสสะ ก็ได้แก่ เวทนา ๖ คือ

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ จักขุสัมผัสสะ                             เป็นปัจจัยได้ชื่อว่า จักขุสัมผัสสชาเวทนา

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ โสตสัมผัสสะ                            เป็นปัจจัยได้ชื่อว่า โสตสัมผัสสชาเวทนา

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ ฆานสัมผัสสะ                            เป็นปัจจัยได้ชื่อว่า ฆานสัมผัสสชาเวทนา

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะชิวหาสัมผัสสะ เป็นปัจจัยได้ชื่อว่าชิวหาสัมผัสสชาเวทนา

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ กายสัมผัสสะ                             เป็นปัจจัยได้ชื่อว่า กายสัมผัสสชาเวทนา

. เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะ มโนสัมผัสสะ                             เป็นปัจจัยได้ชื่อว่า มโนสัมผัสสชาเวทนา

ธรรมชาติใดที่เสวยอารมณ์ ธรรมชาตินั่นแหละชื่อว่า เวทนา คือความรู้สึกใน อารมณ์นั้น

ความรู้สึกในอารมณ์ หรือการเสวยอารมณ์ที่ชื่อว่า เวทนานี้ กล่าวโดยลักษณะ แห่งการเสวยอารมณ์ ก็มี ๓ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา

กล่าวโดยประเภทแห่งอินทรีย คือโดยความเป็นใหญ่ในการเสวยอารมณ์ ก็มี ๕ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา โทมนัสเวทนา และอุเบกขาเวทนา

กล่าวโดยอาศัยทวาร คือ อาศัยทางที่ให้เกิดเวทนาตามนัยแห่งปฏิจจสมุปปาท ที่กำลังกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ ก็มี ๖ คือ เวทนาที่เกิดทางจักขุ ทางโสตะ ทางฆานะ ทางชิวหา ทางกาย และทางใจ

เวทนาที่เกิดทางจักขุที่เรียกว่า จักขุสัมผัสสชาเวทนา เกิดทางโสตที่เรียกว่า โสตสัมผัสสชาเวทนา เกิดทางฆานะที่เรียกว่า ฆานสัมผัสสชาเวทนา และเกิดทาง ชิวหาที่เรียกว่า ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา รวม ๔ ทางนี้เป็นอุเบกขาเวทนาแต่ อย่างเดียว

เวทนาที่เกิดทางกายที่เรียกว่า กายสัมผัสสชาเวทนานั้น เป็นสุขเวทนา หรือ ทุกขเวทนา อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่างนี้เท่านั้น คือถ้ากายได้สัมผัสถูกต้องกับ อิฏฐโผฏฐัพพารมณ์ คือ อารมณ์ที่ดี ก็เป็นสุขเวทนา แต่เมื่อกายได้สัมผัสถูกต้องกับ อนิฏฐโผฏฐัพพารมณ์ คือ อารมณ์ที่ไม่ดี ก็เป็นทุกขเวทนา

ส่วนเวทนาที่เกิดทางใจที่เรียกว่า มโนสัมผัสสชาเวทนานั้น เมื่อได้เสวย อารมณ์ที่ดีที่เรียกว่า อิฏฐารมณ์ ก็มีความชื่นชมยินดีทางใจ เป็นโสมนัสเวทนา แต่ถ้าได้เสวยอารมณ์ที่ไม่ดีที่เรียกว่า อนิฏฐารมณ์ ทางธรรมถือว่ามีความอาพาธ ทางใจ จึงได้ชื่อว่า เป็นโทมนัสเวทนา หากว่าได้เสวยอารมณ์ที่เป็นปานกลาง ที่ เรียกว่า มัชฌัตตารมณ์ ก็มีความเฉย ๆ ไม่ถึงกับเกิดความชื่นชมยินดี จึงได้ชื่อว่า เป็นอุเบกขาเวทนา

เวทนาทั้ง ๖ ที่กล่าวในบทนี้ หมายเฉพาะเวทนาที่ประกอบกับโลกียวิปาก วิญญาณ ๓๒ เท่านั้น โดยถือสืบเนื่องมาจากวิปากวิญญาณ คือจิตที่เป็นปัจจยุบ บันนของสังขาร โลกียวิปากวิญญาณ ๓๒ นี้ ก็มีเวทนาที่เกิดร่วมได้ด้วยเพียง ๔ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา และ อุเบกขาเวทนาเท่านี้ ไม่มีโทมนัส เวทนา ด้วย

ผัสสะกับเวทนาต่างก็เป็นเจตสิกเหมือนกัน และประกอบกับจิตร่วมกันพร้อม กัน ถึงกระนั้นต่างก็เป็นปัจจัยซึ่งกันและกันได้ด้วยอำนาจแห่งสหชาตปัจจัย และ อัญญมัญญปัจจัย ทำนองเดียวกับจิตและเจตสิก ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในบท นามรูป เป็นปัจจัยแก่สฬายตนะนั้น

สอบถาม ปัญหาธรรมะ ได้ที่ลานธรรมมูลนิธิ ค่ะ...
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
ศีล สมาธิ ปัญญา... หนทางสายเอก...