ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74
75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม
องค์ที่
๒ สังขาร
สังขาร
เป็นปัจจัยแก่วิญญาณ
คือ
วิญญาณจะปรากฏเกิดขึ้นได้ก็เพราะ
มีสังขารเป็นปัจจัย ลักขณาทิจตุกะของสังขาร
มีดังนี้
อภิสงฺขรณ
ลกฺขณา
มีการปรุงแต่ง
เป็นลักษณะ
อายูหน
รสา
มีการพยายามให้ปฏิสนธิวิญญาณเกิดขึ้น
หรือ พยายามให้ผล คือ
รูปขันธ์นามขันธ์เกิดขึ้น
เป็นกิจ
เจตนา
ปจฺจุปฏฺฐานา
จงใจทำให้เกิดความสำเร็จ
เป็นผล
อวิชฺชา
ปทฏฺฐานา
มี
อวิชชา เป็นเหตุใกล้
สังขารที่กล่าวแล้วในบทอวิชชานั้น
เป็นสังขารที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของ
อวิชชา ซึ่งได้แก่ เจตนา ๒๙
หรือ กรรม ๒๙
ส่วนสังขารที่กล่าวถึงในบทนี้
เป็นสังขารที่เป็นปัจจัยธรรม
อุปการะช่วยเหลือ
ให้เกิดวิญญาณนั้น ก็ได้แก่
เจตนา ๒๙ หรือ กรรม ๒๙
เหมือนกัน
วิญญาณ
ที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขารนี้
มีแสดงเป็น ๒ นัย คือ อภิธัมมภาชนิยนัย
ตามนัยแห่งพระอภิธรรม ๑ และ สุตตันตภาชนิยนัย
ตาม นัยแห่งพระสูตร ๑
ตามนัยแห่งพระอภิธรมนั้น
วิญญาณที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขาร
ได้แก่ จิตทั้งหมด
(และเจตสิกที่ประกอบกับจิตนั้น
ๆ ด้วย)
เพราะจิตจะเกิดขึ้นได้
ก็ต้องอาศัยมีสังขารเป็นปัจจัย
คือต้องมีสิ่งปรุงแต่ง
ตามนัยแห่งพระสูตรนั้น
วิญญาณที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขาร
ก็ได้แก่ โลกียวิปากวิญญาณ
๓๒
คือ อกุสลวิบากจิต ๗,
อเหตุกกุสลวิบากจิต
๘,
มหา
วิบากจิต ๘ และ มหัคคตวิบากจิต
๙ นั้น
โลกียวิบากวิญญาณ
๓๒ อันเป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขารนี้
ยังจำแนก ได้เป็น ๒ จำพวก คือ
วิญญาณที่เกิดในปฏิสนธิกาล
มีชื่อว่า ปฏิสนธิวิญญาณ
ได้แก่ ปฏิสนธิจิต ๑๙
ดวงนั้นพวกหนึ่ง
ปฏิสนธิวิญญาณ ๑๙
ดวงนี้ก็อยู่ในจำนวนโลกียวิบากวิญญาณ
๓๒ นั่นเอง
วิญญาณที่เกิดในปวัตติกาล
มีชื่อว่า ปวัตติวิญญาณ
ได้แก่ โลกียวิบากจิต ๓๒
อีกพวกหนึ่ง
ซึ่งไม่ได้ทำกิจปฏิสนธิ
แต่ทำภวังคกิจ และกิจอื่น ๆ
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ