ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม
๓.
อธิปติปัจจัย
อธิปติปัจจัยนี้
จำแนกออกได้เป็น ๒ คือ
ก.
อารมณ์
๖ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่พึงกระทำให้เอาใจใส่เป็นพิเศษ
ช่วย อุปการะแก่นามนั้น
ชื่อว่า อารัมมณาธิปติปัจจัย
ข.
อธิบดีทั้ง
๔ มี ฉันทาธิปติ เป็นต้น
เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่นามรูป
ที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับตนนั้น
ชื่อว่า สหชาตาธิปติปัจจัย
อารัมมณาธิปติปัจจัย
๑.
อารมณ์
ต้องเป็นอารมณ์ ๖
อย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วย
ไม่ใช่เพียงแต่เอาใจใส่อย่างธรรมดา
๒.
ประเภท
นามรูป เป็นปัจจัย นามรูปเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็น อารัมมณชาติ หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นได้แก่
อารมณ์นั้น เอง (แต่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วย)
๔.
กาล
เป็นได้ทั้ง อดีต อนาคต
ปัจจุบัน และ กาลวิมุตติ
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่
นิปผันนรูป๑๘
ที่เป็นอิฏฐารมณ์,
จิต
๘๔ (เว้นโทสจิต
๒ โมหจิต ๒ ทุกขกายวิญญาณ ๑),
เจตสิก
๔๗ (เว้นโทสะ
อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ
วิจิกิจฉา)
และ
นิพพาน
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ โลภมูลจิต ๘ ,มหากุสล
๘,
มหากิริยา
ญาณสัมปยุตต ๔,
โลกุตตรจิต
๘,
เจตสิก
๔๕ (เว้น
โทสะ อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ
วิจิกิจฉา อัปปมัญญา ๒)
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ โลกียจิต ๘๑ เจตสิก ๕๒
และรูปทั้งหมดที่
ไม่เป็นอิฏฐารมณ์
๗.
ความหมายโดยย่อ
อารัมมณาธิปติปัจจัย มี ๗
วาระ
(๑)
กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสล
กุสลที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
อันได้แก่ กุสลจิต ๒๐ (เว้นอรหัตตมัคค)
ซึ่งทำให้ซาบซึ้งตรึงใจเป็นพิเศษก็ดี
ฌานที่ได้ที่ถึงแล้ว
อันได้แก่ มหัคคตกุสลจิต ๙
ก็ดี โคตรภูและโวทาน
อันได้แก่ มหากุสลญาณสัมปยุตตจิต
๔ ก็ดี และมัคคจิตเบื้องต่ำ ๓
อันเกิดขึ้นแล้วแก่พระเสกขบุคคลก็ดี
ธรรมเหล่านี้เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
มหากุสลจิตที่พิจารณาธรรมนั้น
ๆ เป็น อารัมมณาธิปติปัจจ ยุบบันน
(๒)
กุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล
กุสลที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
อันได้แก่ โลกียกุสล ๑๗
เมื่อนึกถึงกุสลเหล่านี้
โดยความเอาใจใส่เป็นพิเศษ
ก็เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
อาจทำให้เกิด ราคะ ทิฏฐิได้
ราคะ ทิฏฐิ คือ อกุสลจิตที่เกิดขึ้นโดยอารมณ์เหล่านี้
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
(๓)
กุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
กุสล คือ อรหัตตมัคค ๑ เป็นอารัมมณา
ธิปติปัจจัย มหากิริยาจิต (ในปัจจเวกขณวิถี)
ที่พิจารณาอรหัตตมัคคนั้น
เป็นอารัมม ณาธิปติปัจจยุบบันน
(๔)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล
ผู้ที่เพลิดเพลินต่อราคะ ต่อทิฏฐิ
โดยความ เอาใจใส่เป็นพิเศษ
อันได้แก่ โลภจิต ๘ ดวงนั้น
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย
ทำให้ เกิด ราคะ ทิฏฐิขึ้นอีก
ราคะ ทิฏฐิ อันได้แก่
โลภมูลจิต ๘
ที่เกิดขึ้นอีกนี่แหละ
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
(๕)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อรหัตตผลจิตก็ดี นิพพานก็ดี
เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
มหากิริยาจิต (ในปัจจเวกขณวิถี)
ที่พิจารณาอรหัตตผลจิต
ก็ดี พิจารณานิพพานก็ดี
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
(๖)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่กุสล
ผลจิตเบื้องต่ำ ๓ ก็ดี
นิพพานก็ดี เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
มหากุสลจิตของพระเสกขบุคคล ๓
ที่พิจารณา(ปัจจเวกขณะ)
ผลจิตก็ดี
นิพพานก็ดี เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
นิพพาน
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย
โคตรภูของติเหตุกปุถุชน
โวทานของพระ เสกขบุคคล ๓
อันได้แก่ มหากุสลญาณสัมปยุตต
๔ และ มัคคจิต ๔ ของมัคค บุคคล
๔ เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
(๗)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อกุสล
เอาใจใส่เป็นพิเศษในวัตถุ ๖,
กามอารมณ์
๕,
โลกียวิบาก
๓๑ (เว้นทุกขสหคตกายวิญญาณ
๑)
และกิริยาจิต
๒๐ เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
เกิดความเพลิดเพลิน มี ราคะ
ทิฏฐิ อันได้แก่ โลภจิต ๘ ขึ้น
เป็นอารัมมณาธิปติปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๘ ปัจจัย คือ
๑.
อารัมมณาธิปติปัจจัย
๒.
อารัมมณปัจจัย
๓.
วัตถารัมมณปุเรชาตนิสสยปัจจัย
๔.
อารัมมณูปนิสสยปัจจัย
๕.
อารัมมณปุเรชาตปัจจัย
๖.
อารัมมณปุเรชาตวิปปยุตตปัจจัย
๗.
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
๘.
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
สหชาตาธิปติปัจจัย
๑.
อธิปติ
ได้แก่ ฉันทาธิปติ วิริยาธิปติ
จิตตาธิปติ และวิมังสาธิปติ
๒.
ประเภท
นามเป็นปัจจัย นามรูปเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นสหชาตชาติ หมายความว่า
ปัจจัยธรรมและปัจจยุบบันนธรรม
เกิดร่วมในจิตดวงเดียวกัน
๔.
กาล
เป็นได้เฉพาะในกาลที่เป็นปัจจุบัน
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ และ
อุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ ฉันทเจตสิก
วิริยเจตสิก
ปัญญาเจตสิกที่ใน สาธิปติชวน
๕๒ (คือ
ชวนจิต ๕๕ เว้น หสิตุปปาทจิต ๑
โมหมูลจิต ๒ จึงเหลือ ๕๒)
และจิตเฉพาะสาธิปติชวนจิต
๕๒
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ สาธิปติชวนจิต ๕๒,
เจตสิก
๕๐ (เว้นวิจิ
กิจฉาเจตสิก ๑ และเว้นฉันทะ
วิริยะ ปัญญา
ในขณะที่เป็นอธิบดี ๑)
จิตตชรูปที่
เกิดด้วยสาธิปติชวนจิต ๕๒
นั้น
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ กามจิต ๕๔
ที่ไม่ได้เกิดร่วมกับอธิบดี,
องค์
ธรรมของอธิบดี
เฉพาะองค์ที่กำลังเป็นอธิบดี,
มหัคคตวิบาก
๙,
จิตตชรูปที่ไม่ได้
เกิดร่วมกับอธิบดี,
กัมมชรูป,
อุตุชรูป,
อาหารชรูป
๗.
ความหมายโดยย่อ
สหชาตาธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
(๑)
กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสล
กุสลอธิบดี ๔
องค์ใดองค์หนึ่งในมหากุสล ๘
มหัคคตกุสล ๙ มัคคจิต ๔ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
นามขันธ์ทั้งหลายที่สัมปยุตต
ด้วยกุสลอธิบดีนั้น
อันได้แก่ กุสลจิต ๒๑ เป็นสหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
(๒)
กุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
กุสลอธิบดี ๔
องค์ใดองค์หนึ่งในกุสลจิต ๒๑
เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
กุสลสาธิปติจิตตชรูป เป็นสหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
(๓)
กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสลด้วยแก่อพยากตะด้วย
กุสลอธิบดี ๔ องค์ใดองค์
หนึ่งในกุสลจิต ๒๑ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
กุสลจิต ๒๑ ด้วย และกุสลสาธิปติ
จิตตชรูปด้วย เป็นสหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
(๔)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล
อธิบดี ๓ (เว้นวิมังสาธิปติ)
องค์ใดองค์หนึ่ง
ในโลภมูล ๘ โทสมูล ๒ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
นามขันธ์ทั้งหลายที่สัมปยุตต
ด้วยอกุสลอธิบดีนั้น
อันได้แก่ โลภมูลจิต ๘ โทสมูลจิต
๒ เป็นสหชาตาธิปติ ปัจจยุบบันน
(๕)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อกุสลอธิบดี ๓
องค์ใดองค์หนึ่งในอกุสล จิต
๑๐ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
จิตตชรูปที่เกิดร่วมด้วยอกุสลจิต
๑๐ ดวงนั้น
เป็น สหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
(๖)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสลด้วยแก่อพยากตะด้วย
อกุสลอธิบดี ๓ องค์ใด
องค์หนึ่งในอกุสลจิต ๑๐ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
อกุสลจิต ๑๐ คือ โลภมูลจิต ๘ โทสมูลจิต
๒ และอกุสลสาธิปติจิตตชรูปด้วย
เป็นสหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
(๗)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อธิบดี ๔
องค์ใดองค์หนึ่งที่ในสเหตุก
กิริยาจิต ๑๗,
ที่ในผลจิต
๔ เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย สเหตุกกิริยาจิต
๑๗ ผลจิต ๔ และ อพยากตสาธิปติจิตตชรูป
เป็นสหชาตาธิปติปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๑๓ ปัจจัย คือ
๑.
สหชาตาธิปติปัจจัย
๒.
เหตุปัจจัย
๓.
สหชาตปัจจัย
๔.
อัญญมัญญปัจจัย
๕.
สหชาตนิสสยปัจจัย
๖.
วิปากปัจจัย
๗.
นามอาหารปัจจัย
๘.
สหชาตินทริยปัจจัย
๙.
มัคคปัจจัย
๑๐.
สัมปยุตตปัจจัย
๑๑.
สหชาตวิปปยุตตปัจจัย
๑๒.
สหชาตัตถิปัจจัย
๑๓.
สหชาตอวิคตปัจจัย
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ