ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 ค้นหาหัวข้อธรรม
๒๑.
อัตถิปัจจัย
อัตถิ
แปลว่า มีอยู่
ต้องเป็นธรรมที่มีอยู่
คือยังอยู่ในระหว่าง อุปาทะ
ฐีติ ภังค
ยังไม่ทันได้ดับไปทั้งปัจจัยธรรมและปัจจยุบบันนธรรม
ความอุปการะช่วย
เหลือกันด้วยความที่มีอยู่นี่แหละ
เรียกว่า อัตถิปัจจัย
ธรรมที่มีอยู่ในระหว่าง
อุปาทะ ฐีติ ภังคะ ก็ได้แก่
จิต เจตสิก และรูป ส่วน
นิพพานไม่เกี่ยว
เพราะนิพพานไม่มีการเกิดดับ
จึงไม่มีสภาพที่เรียกว่า
อุปาทะ ฐีติ ภังคะ นั้น
ในระหว่าง
อุปาทะ ฐีติ ภังคะ นี้
การปรากฏแห่งอัตถิปัจจัย
ย่อมปรากฏใน ฐีติขณะมากกว่าและชัดกว่าในอุปาทะขณะและภังคะขณะ
ในอำนาจหน้าที่ทั้ง
๒ คือ ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตตินั้น แม้ว่าอัตถิปัจจัย
จะมีทั้ง ๒ อย่าง
แต่อำนาจในการอุปการะให้ปัจจยุบบันนธรรมตั้งอยู่ได้
คือ อุป ถัมภกสัตตินั้นสำคัญมากกว่าการอุปการะให้เกิดขึ้น
(ชนกสัตติ)
ฉะนั้น
อุปถัมภก
สัตติจึงเป็นประธานในอัตถิปัจจัยนี้
อัตถิปัจจัยนี้
จำแนกออกได้เป็น ๖ ปัจจัย คือ
๑.
สหชาตัตถิปัจจัย
๒.
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
๓.
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
๔.
ปัจฉาชาตัตถิปัจจัย
๕.
อาหารัตถิปัจจัย
๖.
อินทริยัตถิปัจจัย
อีกนัยหนึ่งแสดงว่า
อัตถิปัจจัยนี้จำแนกออกเพียง
๕ ปัจจัย คือรวมข้อ ๒ อารัมมณปุเรชาต
และข้อ ๓ วัตถุปุเรชาต
เข้าด้วยกันเป็นข้อเดียว
เรียกว่า ปุเรชาต
ไม่แยกเป็นอารมณ์ หรือวัตถุ
สหชาตัตถิปัจจัย
สหชาตัตถิปัจจัยนี้
คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมดเหมือนกับ
สหชาตปัจจัยทุกประการ
๑.
สหชาต
หมายความว่า เกิดพร้อมกัน
๒.
ประเภท
รูปนามเป็นปัจจัย รูปนามเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นสหชาตชาติ หมายความว่า
ปัจจัยธรรมเกิดพร้อมกับปัจจยุบ
บันนธรรม และช่วยอุดหนุนปัจจยุบบันนธรรมนั้นด้วย
๔.
กาล
เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นยังอยู่ในระหว่าง
อุปาทะ ฐีติ ภังคะ คือ
ยังไม่ทันดับไป
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒
ทั้งในปฏิสนธิกาล และในปวัตติกาล
มหาภูตรูปที่เกิดด้วยสมุฏฐานทั้ง
๔ ทั้งในปฏิสนธิกาล และใน
ปวัตติกาล,
หทยวัตถุกับปัญจโวการปฏิสนธิ
๑๕ ดวง เจตสิก ๓๕
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒,
มหาภูตรูปกับอุปา
ทายรูปที่เกิดด้วยสมุฏฐานทั้ง
๔,
หทยวัตถุกับปัญจโวการปฏิสนธิ
๑๕ เจตสิก ๓๕
องค์ธรรมของปัจจนิก
ไม่มี
เพราะปัจจัยนี้ไม่มีธรรมที่ไม่ใช่ผล
๗.
ความหมายโดยย่อ
สหชาตัตถิปัจจัยนี้ มี ๙ วาระ
(๑)
กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสล
กุสลจิต ๒๑ คือ กุสลนามขันธ์ ๔
แล้วแต่จะยก
เอาขันธ์ใดว่าเป็นปัจจัย
ขันธ์นั้นก็เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
กุสลจิต ๒๑ คือ กุสลนาม
ขันธ์ที่เหลือ ก็เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๒)
กุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
กุสลจิต ๒๑ เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
จิตตช
รูปที่เกิดด้วยกุสลจิตนั้น
ก็เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๓)
กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสลด้วยแก่อพยากตะด้วย
กุสลจิต ๒๑ เป็นสหชา ตัตถิปัจจัย
กุสลจิต ๒๑ด้วย จิตตชรูปที่เกิดด้วยกุสลจิตนั้นด้วย
เป็นสหชาตัตถิปัจจ ยุบบันน
(๔)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล
อกุสลจิต ๑๒ คือ อกุสลนามขันธ์
๔ แล้ว
แต่จะยกเอาขันธ์ใดว่าเป็นปัจจัย
ขันธ์นั้นก็เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
อกุสลจิต ๑๒ คือ อกุสลนามขันธ์ที่เหลือ
ก็เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๕)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อกุสลจิต ๑๒ เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
จิตต ชรูปที่เกิดด้วยอกุสลจิตนั้น
ก็เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๖)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสลด้วยแก่อพยากตะด้วย
อกุสลจิต ๑๒ เป็นสห ชาตัตถิปัจจัย
อกุสลจิต ๑๒ ด้วย จิตตชรูปที่เกิดด้วยอกุสลจิตนั้นด้วยเป็นสหชา
ตัตถิปัจจยุบบันน
(๗)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
วิบากจิต ๓๖ คือ
วิบากนามขันธ์ ๔,
กิริยาจิต
๒๐ คือ กิริยานามขันธ์ ๔ เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
วิบากจิต ๓๖ คือ วิบาก
นามขันธ์ ๔,
กิริยาจิต
๒๐ คือ กิริยานามขันธ์ ๔,
วิบากจิตตชรูป
กิริยาจิตตชรูป ตามสมควร เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
มหาภูตรูปที่เกิดด้วยสมุฏฐานทั้ง
๔
แล้วแต่จะยกเอารูปใดว่าเป็นสหชาตัตถิ
ปัจจัย รูปที่เหลือ ก็เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
มหาภูตรูปที่เกิดด้วยสมุฏฐานทั้ง
๔ เป็นสหชาตัตถิปัจจัย
อุปาทายรูปที่อาศัย
เกิดกับมหาภูตรูปนั้น เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๘)
กุสลด้วยอพยากตะด้วยเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
กุสลจิต ๒๑ คือ กุสล นามขันธ์ ๔
ด้วย
และมหาภูตรูปที่เกิดจากกุสลจิตนั้นด้วย
เป็นสหชาตัตถิปัจจัย กุสลจิตตชมหาภูตรูปที่เหลือ
และกุสลจิตตชอุปาทายรูป เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๙)
อกุสลด้วยอพยากตะด้วยเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อกุสลจิต ๑๒ คือ อกุสลนามขันธ์
๔ ด้วย อกุสลจิตตชมหาภูตรูปด้วย
เป็นสหชาตัตถิปัจจัย อกุสล
จิตตชมหาภูตรูปที่เหลือ และอกุสลจิตตชอุปาทายรูป
เป็นสหชาตัตถิปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๘ ปัจจัย คือ
๑.
สหชาตปัจจัย
๒.
อัญญมัญญปัจจัย
๓.
สหชาตนิสสยปัจจัย
๔.
วิปากปัจจัย
๕.
สัมปยุตตปัจจัย
๖.
สหชาตวิปปยุตตปัจจัย
๗.
สหชาตัตถิปัจจัย
๘.
สหชาตอวิคตปัจจัย
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมด เหมือนกับอารัมมณปุเรชาตปัจจัยทุกประการ
๑.
อารัมมณปุเรชาต
หมายความว่า
อารมณ์เฉพาะที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น
และเกิดก่อนปัจจยุบบันนธรรมด้วย
๒.
ประเภท
รูปเป็นปัจจัย นามเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นอารัมมณชาติ หมายความว่า
ปัจจัยนั้นได้แก่ อารมณ์
และในที่
นี้หมายเฉพาะอารมณ์ที่เป็นนิปผันนรูปเท่านั้น
๔.
กาล
เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่า
แม้อารมณ์นั้นจะเกิดก่อน
แต่ก็ยัง คงมีอยู่
ยังไม่ทันดับไป คือยังอยู่ใน
ฐีติขณะ จึงจะเป็นปัจจัยได้
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ อารมณ์ ๖
ที่เป็นนิปผันนรูป ๑๘
และยังอยู่ ในระหว่างฐีติขณะ
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ กามจิต ๕๔ อภิญญาจิต ๒
เจตสิก ๕๐ (เว้นอัปปมัญญา)
ที่เกิดจาก
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ จิต ๗๖ (เว้นทวิปัญจวิญญาณ
๑๐ มโนธาตุ ๓)
ที่ไม่ได้เกิดจากอารมณ์
๖ ที่เป็นปัจจุบันนิปผันนรูป
๑๘ และรูปทั้งหมด
๗.
ความหมายโดยย่อ
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัยนี้
มี ๓ วาระ
(๑)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อารมณ์ ๖ คือ
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
กามวิบากจิต ๒๓ กามกิริยาจิต
๑๑ กิริยา อภิญญาจิต ๑ เจตสิก
๓๕ (เว้นวิรตี)
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
เช่น
รูปารมณ์
สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์
โผฏฐัพพารมณ์
ที่เป็นปัจจุบัน
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ มโนธาตุ ๓
เป็นอารัมมณ
ปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
ปัจจุบันนิปผันนรูป
๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
มโนทวาราวัชชนจิต ๑,
กามกิริยาชวนะ
๙,
ตทาลัมพนะ
๑๑
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
พระอรหันต์พิจารณา
จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และหทยวัตถุ
โดยความเป็นอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา รูปเหล่านี้ที่เป็น
ปัจจุบัน
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
มหากิริยาจิต ๘
ที่พิจารณารูปเหล่านี้ เป็น
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
พระอรหันต์เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ได้ยินเสียงด้วยทิพพโสต
รูปและเสียงนั้น
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
กิริยาอภิญญาจิตของพระอรหันต์
ที่เห็นรูปนั้น ที่ได้
ยินเสียงนั้นเป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๒)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่กุสล
อารมณ์ ๖ คือ
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
มหากุสล ๘,
กุสลอภิญญา
๑ เจตสิก ๓๖ (เว้น
อัปปมัญญา)
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
เช่น
พระเสกขบุคคลและปุถุชนทั้งหลายพิจารณา
จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ
หทยวัตถุ โดยความเป็น อนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา
รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจุบันเป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
มหากุสลจิต ๘ ที่พิจารณารูป
เหล่านี้
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
พระเสกขบุคคลและปุถุชนทั้งหลาย
เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ได้ยินเสียงด้วย ทิพพโสต
รูปและเสียงนั้นเป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
กุสลอภิญญาจิตที่เห็นรูป
นั้น ที่ได้ยินเสียงนั้น
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๓)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อกุสล
อารมณ์ ๖ คือ
ปัจจุบันนิปผันนรูป ๑๘
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
อกุสลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิ
ปัจจยุบบันน เช่น
ยินดีเพลิดเพลินต่อ
จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย รูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และหทยวัตถุ
เมื่อนึกถึงรูปเหล่านี้แล้วมี
ราคะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา
อุทธัจจะ และโทมนัสเกิดขึ้น
รูปเหล่านี้ที่เป็นปัจจยุบบันน
เป็นอารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
ราคะ ทิฏฐิ เป็นต้น
ที่เกิดขึ้น อันได้แก่
อกุสลจิต ๑๒ นั้น
เป็นอารัมมณปุเร
ชาตัตถิปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๘ ปัจจัย คือ
๑.
อารัมมณปุเรชาตปัจจัย
๒.
อารัมมณปัจจัย
๓.
อารัมมณาธิปติปัจจัย
๔.
วัตถารัมมณปุเรชาตนิสสยปัจจัย
๕.
อารัมมณูปนิสสยปัจจัย
๖.
วัตถารัมมณปุเรชาตวิปปยุตตปัจจัย
๗.
อารัมมณปุเรชาตัตถิปัจจัย
๘.
อารัมมณปุเรชาตอวิคตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัยนี้
คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมด เหมือน
วัตถุปุเรชาตปัจจัยทุกประการ
๑.
วัตถุปุเรชาต
หมายความว่า วัตถุ ๖
ที่เกิดก่อน
๒.
ประเภท
รูปเป็นปัจจัย
นามเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นวัตถุปุเรชาตชาติ
หมายความว่า
ปัจจัยธรรมซึ่งช่วยอุปการะแก่
ปัจจยุบบันนธรรมนั้น
โดยการที่เป็นที่ตั้งด้วย
และโดยการที่เกิดก่อนด้วย
๔.
กาล
เป็นกาลปัจจุบัน หมายความว่า
แม้ปัจจัยธรรมจะเกิดก่อน
แต่ก็ยัง ไม่ทันดับไป คือ
ยังอยู่ในระหว่าง ฐีติขณะ
ยังไม่ทันถึงภังคขณะ
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ วัตถุ ๖ คือ จักขุวัตถุ
โสตวัตถุ ฆานวัตถุ ชิวหาวัตถุ
กายวัตถุ และหทยวัตถุ
ที่เกิดก่อนปัจจยุบบันน
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ จิต ๘๕ (เว้นอรูปวิบาก
๔)
ทั้งที่แน่นอน
และไม่แน่นอนในปัญจโวการภูมิ
ที่เป็นปวัตติกาล
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ โลภมูลจิต ๘,
โมหมูลจิต
๒,
มโนทวารา
วัชชนจิต ๑,
มหากุสลจิต
๘,
มหากิริยาจิต
๘,
อรูปจิต
๑๒ และโลกุตตรจิต ๗ (เว้นโสดาปัตติมัคคจิต
๑)รวมจิต
๔๖
ดวงทั้งที่แน่นอนและไม่แน่นอน
ปัญจโวการ ปฏิสนธิจิต ๑๕
และรูปทั้งหมด
ที่ว่าทั้งที่แน่นอนและไม่แน่นอนนั้น
เรื่องนี้ได้แสดงไว้ในปริจเฉทที่
๓ ตอนวัตถุสังคหะแล้ว
แต่เพื่อทบทวนความจำ
จึงขอกล่าวซ้ำในที่นี้อีก
ว่า
(๑)
ปัจจยุบบันนธรรมที่แน่นอน
ได้แก่ โทสมูลจิต ๒,
อเหตุกจิต
๑๗ (เว้น
มโนทวาราวัชชนจิต ๑),
มหาวิบาก
๘,
รูปาวจรจิต
๑๕ และโสดาปัตติมัคคจิต ๑
รวมจิต ๔๓ ดวงนี้
ต้องอาศัยวัตถุเกิดอย่างแน่นอน
(๒)
ปัจจยุบบันนธรรมที่ไม่แน่นอน
ได้แก่ โลภมูลจิต ๘,
โมหมูลจิต
๒,
มโนทวาราวัชชนจิต
๑,
มหากุสลจิต
๘,
มหากิริยาจิต
๘,
อรูปกุสลจิต
๔,
อรูปกิริยาจิต
๔ และโลกุตตรจิต ๗ (เว้นโสดาปัตติมัคคจิต
๑)
รวมจิต
๔๒ ดวงนี้
ถ้าเกิดในปัญจโวการภูมิ
ก็ต้องอาศัยวัตถุเกิด
ถ้าเกิดในจตุโวการภูมิไม่ต้องอาศัยวัตถุ
ก็เกิดได้
(๓)
ปัจจนิกธรรมที่แน่นอน
ได้แก่ อรูปวิบากจิต ๔
และรูปทั้งหมดซึ่งเกิด
ขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุ
จึงเป็นปัจจนิกธรรมที่แน่นอน
(๔)
ปัจจนิกธรรมที่ไม่แน่นอน
ก็คือจิต ๔๒ ดวง ตามข้อ (๒)
นั่นเอง
ซึ่งจิต ๔๒
ดวงนี้เกิดในปัญจโวการภูมิ
ก็เป็นปัจจยุบบันนธรรม
ถ้าเกิดในจตุโวการ ภูมิ
ก็เป็นปัจจนิกธรรมไป
จึงว่าไม่แน่นอน
๗.
ความหมายโดยย่อ
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัยนี้
มี ๓ วาระ คือ
(๑)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
วัตถุ ๖ ที่เกิดก่อน
เป็นวัตถุปุเรชาตัต ถิปัจจัย
วิบากจิต ๓๒ (เว้นอรูปวิบาก
๔),
กิริยาจิต
๒๐ ที่เกิดทีหลังวัตถุ ๖ นั้น
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
เช่น
วัตถุ
๕ มีจักขุวัตถุ เป็นต้น
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐
มีจักขุวิญญาณ เป็นต้น
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
หทยวัตถุ
ที่เกิดพร้อมกับจิตดวงที่เกิดก่อน
ๆ มีปฏิสนธิจิต เป็นต้น เป็น
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
วิบากจิต ๒๒ (เว้นทวิปัญจวิญญาณ
๑๐ อรูปวิบาก ๔)
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
หทยวัตถุ
ที่เกิดอยู่ก่อนเวลาที่จะออกจากนิโรธสมาบัตินั้นเป็นวัตถุปุเรชาตัตถิ
ปัจจัย อนาคามิผลจิต ๑
อรหัตตผลจิต ๑
ที่เกิดขึ้นในขณะออกจากนิโรธสมาบัติ
นั้นเป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
วัตถุ
๖
ที่เกิดพร้อมกับจิตดวงที่นับถอยหลังจากจุติจิตไป
๑๗ ขณะ เป็นวัตถุ
ปุเรชาตัตถิปัจจัย
จิตที่เกิดพร้อมกับวัตถุ ๖
ที่เหลือ ๑๖ ขณะ อันได้แก่
โลกียวิบาก จิต ๒๘ (เว้นอรูปวิบาก
๔)
กิริยาจิต
๒๐
ป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๒)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่กุสล
หทยวัตถุที่เกิดพร้อมกับจิตดวงก่อน
ๆ มี อาวัชชนจิต เป็นต้น
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
กุสลนามขันธ์ ๔ อันได้แก่
กุสลจิต ๒๑ ที่เกิดทีหลัง
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
หทยวัตถุที่เกิดพร้อมกับจิตดวงที่นับถอยหลังจากจุติจิตไป
๑๗ ขณะ เป็น
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
มรณาสันนกุสลชวนะ อันได้แก่
โลกียกุสลจิต ๑๗ เป็นวัตถุ
ปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๓)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อกุสล
หทยวัตถุที่เกิดพร้อมกับจิตดวงก่อน
ๆ มี อาวัชชนจิต เป็นต้น
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
อกุสลนามขันธ์ ๔ อันได้แก่
อกุสล จิต ๑๒
เป็นวัตถุปุเรชาตัตถิปัจจยุบบันน
หทยวัตถุ
ที่เกิดพร้อมกับจิตดวงที่นับถอยหลังจากจุติจิตไป
๑๗ ขณะ เป็น
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
มรณาสันนอกุสลชวนะ อันได้แก่
อกุสลจิต ๑๒ เป็นวัตถุปุเร
ชาตัตถิปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๘ ปัจจัย คือ
๑.
วัตถุปุเรชาตนิสสยปัจจัย
๒.
อารัมมณปัจจัย
๓.
อารัมมณาธิปติปัจจัย
๔.
อารัมมณูปนิสสยปัจจัย
๕.
วัตถุปุเรชาตปัจจัย
๖.
วัตถุปุเรชาตวิปปยุตตปัจจัย
๗.
วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย
๘.
วัตถุปุเรชาตอวิคตปัจจัย
ปัจฉาชาตัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตัตถิปัจจัยมี
คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมด เหมือนกับ
ปัจฉาชาตปัจจัย ทุกประการ
คำว่า
ชาตะ มีอยู่ ๓ ปัจจัย คือ
สหชาตะ ปุเรชาตะ
และปัจฉาชาตะนี้ อัน คำว่า
ชาตะในปัจจัย ๒๔
นี้มีความหมายถึง ๓ อย่างคือ
สหชาตะ
ได้แก่
นาม รูป ที่เกิดอยู่ใน อุปาทะ
ฐีติ ภังคะ
ปุเรชาตะ
ได้แก่
รูป
ที่เกิดอยู่ในฐีติขณะเท่านั้น
ปัจฉาชาตะ
ได้แก่
นามที่เกิดอยู่ใน อุปาทะ
และฐีติขณะ
๑.
ปัจฉาชาตะ
หมายความถึงนามที่เกิดทีหลัง
ช่วยอุปการะแก่รูปที่เกิดก่อน
๒.
ประเภท
นามเป็นปัจจัย
รูปเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นปัจฉาชาตชาติ
หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นเกิดทีหลัง
แล้ว
ช่วยอุปการะแก่ปัจจยุบบันนธรรมที่เกิดก่อน
๔.
กาล
เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นยังไม่ดับไป
๕.
สัตติ
มีอำนาจเป็นอุปถัมภกสัตติ
แต่อย่างเดียว
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ จิต ๘๕(เว้นอรูปวิบาก
๔ และปฏิสนธิจิต)
เจตสิก
๕๒ ที่เกิดทีหลัง
มีปฐมภวังคจิต เป็นต้น
ที่เกิดอยู่ในปัญจโวการภูมิ
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ รูป ที่เป็นฐีติปัตตะ
ที่เกิดพร้อมกับขณะทั้ง ๓
ของจิตที่เกิดก่อน ๆ
มีปฏิสนธิจิต เป็นต้น
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ จิต ๘๙,
เจตสิก
๕๒,
รูปขณะที่เกิดขึ้น(อุปาท
ขณะของรูป),
พาหิรรูป,
อสัญญสัตตกัมมชรูป
๗.
ความหมายโดยย่อ
ปัจฉาชาตัตถิปัจจัยนี้ มี ๓
วาระ
(๑)
กุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
กุสลนามขันธ์ ๔ ได้แก่
กุสลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘
ที่เกิดทีหลังในปัญจโวการภูมิ
เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจัย รูป
๒๘ คือ ติชกาย ได้แก่ กัมมชรูป
จิตตชรูป อุตุชรูป ในรูปภูมิ,
จตุชกาย
ได้แก่ กัมมชรูป จิตตชรูป
อุตุชรูป อาหารชรูป ในกามภูมิ
ที่กำลังถึงฐีติขณะของรูป
ซึ่งเกิดมา
พร้อมกับจิตดวงก่อน ๆ
เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจยุบบันน
(๒)
อกุสลเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
อกุสลนามขันธ์ ๔ ได้แก่
อกุสลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗
ที่เกิดทีหลัง
เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจัย รูป
๒๘ คือ ติชกาย จตุชกาย
ที่กำลังถึงฐีติขณะของรูป
ซึ่งเกิดมาพร้อมกับจิตดวงก่อน
ๆ เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจ
ยุบบันน
(๓)
อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ
วิบากนามขันธ์ ๔ ได้แก่
วิบากจิต ๓๒ (เว้นอรูปวิบาก
๔ และปฏิสนธิจิต),
กิริยานามขันธ์
๔ ได้แก่ กิริยาจิต ๒๐ เจตสิก
๓๘ ที่เกิดทีหลัง
เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจัย
เอกชกาย ได้แก่ ปฏิสนธิกัมมช
รูป ทวิชกาย ได้แก่ กัมมชรูป
อุตุชรูป,
ติชกาย
ในปัญจโวการ รูปภูมิ จตุชกาย
ในกามภูมิ
ที่กำลังถึงฐีติขณะของรูป
ซึ่งเกิดมาพร้อมกับจิตดวงก่อน
ๆ ในปฏิสนธิ จิต เป็นต้น
เป็นปัจฉาชาตัตถิปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๔ ปัจจัย คือ
๑.
ปัจฉาชาตปัจจัย
๒.
ปัจฉาชาตวิปปยุตตปัจจัย
๓.
ปัจฉาชาตัตถิปัจจัย
๔.
ปัจฉาชาตอวิคตปัจจัย
อาหารัตถิปัจจัย
อาหารัตถิปัจจัยนี้
มีคำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมดเหมือนกับ
รูปอาหารปัจจัย ทุกประการ
๑.
รูปอาหาร
หมายความว่า
อาหารที่เป็นรูปธรรม คือ
กพฬีการาหาร
๒.
ประเภท
รูปเป็นปัจจัย
รูปเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นอาหารชาติ หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นได้แก่ อาหาร
นั่นเอง
๔.
กาล
เป็นปัจจุบัน
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ
และอุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่
พหิทธโอชาที่อยู่ในอาหารต่าง
ๆ
อีกนัยหนึ่งแสดงว่า
ได้แก่ กัมมชโอชา จิตตชโอชา
อุตุชโอชา อาหารชโอชา
ที่อยู่ภายใน (อัชฌัตตสันตานะ)
และอุตุชโอชาที่อยู่ภายนอก
(พหิทธสันตานะ)
คือโอชาที่อยู่ในอาหารต่าง
ๆ
องค์ธรรมของปัจจยุบบันนได้แก่
อาหารสมุฏฐานิกรูป
คือรูปที่เกิดจากอาหาร
อีกนัยหนึ่งแสดงว่า
ได้แก่
จตุสมุฏฐานิกรูปที่ตั้งอยู่ในกลาปอันเดียวกันกับ
ปัจจัยธรรม
และที่ตั้งอยู่ในกลาปอื่น ๆ (เว้นโอชาที่อยู่ในกลาปอันเดียวกัน)
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ จิต ๘๙,
เจตสิก
๕๒,
จิตตชรูป,
ปฏิสนธิ
กัมมชรูป,
พาหิรรูป,
อุตุชรูป,
อสัญญสัตตกัมมชรูป,
ปวัตติกัมมชรูป
อีกนัยหนึ่งแสดงว่า
ได้แก่ จิต ๘๙,
เจตสิก
๕๒ และพาหิรรูป
๗.
ความหมายโดยย่อ
รูปอาหารปัจจัยมีวาระเดียว
คือ อพยากตะเป็นปัจจัย
แก่อพยากตะ
กพฬีการาหาร
บ้างก็เรียก กวฬิงการาหาร คือ
โอชาที่อยู่ในอาหารต่าง ๆ
หรืออีกนัยหนึ่งได้แก่โอชาที่อยู่ทั้งภายในและภายนอก
เป็นรูปอาหารปัจจัย จตุสมุฏ
ฐานิกรูป คือ
รูปที่เกิดจากสมุฏฐานทั้ง ๔
ที่ตั้งอยู่ในกลาปอันเดียวกันกับปัจจัย
ธรรม และตั้งอยู่ในกลาปอื่น ๆ
เป็นอาหารัตถิปัจจยุบบันน
ขยายความ
โอชาที่เป็นปัจจัยธรรม
เมื่อช่วยอุปการะแก่อาหารชรูปคือ
อาหาร ชโอชานั้น
เป็นไปโดยอำนาจชนกสัตติ
แต่ถ้าเป็นการช่วยอุปการะแก่
ติชรูปที่เหลือ นอกนั้นคือ
กัมมชโอชา จิตตชโอชา
และอุตุชโอชาแล้ว
เป็นไปโดยอำนาจอุปถัมภก
สัตติ
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๓ ปัจจัย คือ
๑.
รูปอาหารปัจจัย
๒.
อาหารัตถิปัจจัย
๓.
อาหารอวิคตปัจจัย
อินทริยัตถิปัจจัย
อินทริยัตถิปัจจัยนี้
คำอธิบายตลอดจนองค์ธรรมต่าง
ๆ ทั้งหมด เหมือนกับ
รูปชีวิตินทริยปัจจัยทุกประการ
๑.
รูปชีวิตินทรีย
หมายถึง ชีวิตรูป
๒.
ประเภท
รูปเป็นปัจจัย
รูปเป็นปัจจยุบบันน
๓.
ชาติ
เป็นรูปชีวิตินทริยชาติ
หมายความว่า
ปัจจัยธรรมนั้นได้แก่
ชีวิตรูป
ซึ่งทำหน้าที่เป็นใหญ่
เป็นผู้ปกครองในการรักษารูปธรรมที่เกิดขึ้นด้วยกัน
๔.
กาล
เป็นปัจจุบัน
๕.
สัตติ
มีทั้ง ชนกสัตติ และ
อุปถัมภกสัตติ
๖.
องค์ธรรมของปัจจัย
ได้แก่ ชีวิตรูป
ทั้งในปฏิสนธิกาลและในปวัตติกาล
องค์ธรรมของปัจจยุบบันน
ได้แก่ กัมมชรูปที่เหลือ ๙
รูป หรือ ๘ รูป ซึ่งอยู่
ในกลาปเดียวกับชีวิตรูปนั้น
ๆ
องค์ธรรมของปัจจนิก
ได้แก่ จิต ๘๙,
เจตสิก
๕๒,
จิตตชรูป,
พาหิรรูป,
อาหารชรูป,
อุตุชรูป
และชีวิตรูป (ที่เป็นปัจจัย)
๗.
ความหมายโดยย่อ
อินทริยัตถิปัจจัยนี้มีวาระเดียว
คือ อพยากตะเป็น
ปัจจัยแก่อพยากตะ ได้แก่
ชีวิตรูป ทั้งหลาย
เป็นอินทริยัตถิปัจจัย
กัมมชรูปที่เหลือ ๙ รูปหรือ ๘
รูปซึ่งอยู่ในกลาปเดียวกับชีวิตรูปนั้น
ๆ
เป็นอินทริยัตถิปัจจยุบบันน
เช่น
จักขุทสกกลาป
มีอวินิพโภครูป ๘
จักขุปสาทรูป ๑ และชีวิตรูป ๑
รวม ๑๐ รูป ชีวิตรูป ๑
เป็นปัจจัยเสียแล้ว
อวินิพโภครูป ๘ จักขุปสาทรูป
๑ รวม ๙ รูป ที่เหลือนี้
ก็เป็นปัจจยุบบันน
โดยทำนองเดียวกัน
ชีวิตนวกกลาป มีอวินิพโภครูป
๘ และชีวิตรูป ๑ รวม ๙ รูป
ชีวิตรูป ๑
เป็นปัจจัยเสียแล้ว
อวินิพโภครูป ๘ ที่เหลือ
ก็เป็นปัจจยุบบันน
๘.
ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้
รวม ๓ ปัจจัย คือ
๑.
รูปชีวิตินทริยปัจจัย
๒.
รูปชีวิตินทริยัตถิปัจจัย
๓.
รูปชีวิตินทริยอวิคตปัจจัย
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ