ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108
109 110 111 112 113 114 115 116 117
118 119 120 121 122
123 124 125 126 ค้นหาหัวข้อธรรม
![]()
สัปปายะ
สัปปายะ
แผลงมาเป็น สปายะ
คือ สบาย
นั่นเอง
หมายถึงธรรมอันเป็นที่สบายที่เหมาะสมแก่การเจริญกัมมัฏฐาน
อันเป็นส่วนหนึ่งซึ่งอุปการะให้มีความสงบระงับ
ทำให้เกิดสมาธิได้ง่าย
สปายธรรมมีหลายประการ จำแนกเป็น
๔ บ้าง เป็น ๕ บ้าง
ในที่นี้ขอกล่าวว่ามี ๗ ประการ
คือ
๑.
ที่อยู่อันเป็นที่สบาย
ไม่ใกล้ทางสัญจรไปมา
ไม่ใกล้บ่อน้ำ
อันจะเกิดความรำคาญจากผู้คนไปมาจอแจพูดจากันจ้อกแจ้กไม่ขาดสาย
แต่ควรเป็นสถานที่ที่วิเวก
สงัดจากสิ่งที่รบกวนความสงบ
และมีรั้วรอบขอบชิด
ไม่ต้องห่วงเรื่องคนร้าย
๒.
ทางเดินอันเป็นที่สบาย
หมายถึงทางที่จะเดินจงกรม
ก็สะดวกสบาย ไม่ถูกแดดมากนัก
ทางไปบิณฑบาตทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
ก็ไม่ต้องเดินทวนตะวันให้แดดส่องหน้าแสงเข้าตา
เพราะการถูกแดดมาก
ก็จะทำให้เกิดทุกขเวทนา
อันเป็นปฏิปักษ์กับสมาธิ
๓.
การฟังการพูดอันเป็นที่สบาย
หมายความว่า
ควรฟังหรือควรพูดในเรื่องที่จะโน้มน้าวจิตใจให้เกิด
สัทธา วิริยะ และความสงบระงับ
อันจะเป็นคุณแก่การเจริญกัมมัฏฐาน
ให้เว้นการฟังการพูดที่ไม่เป็นสปายะนั้นเสีย
๔.
บุคคลเป็นผู้ที่สบาย
หมายถึงบุคคลที่จะติดต่อคบหา
ควรเป็นผู้ที่มั่นในสีลธรรมชักจูงแนะนำไปในทางที่ให้เกิดความมักน้อย
ความเพียร ความสงบระงับ
ยิ่งเป็นผู้ที่เคยเจริญกัมมัฏฐานมาแล้ว
ก็ยิ่งจะเป็นคุณมาก
ให้เว้นจากบุคคลที่ฟุ้งซ่านและมากไปในทางกามารมณ์
ในทางโลกียสุข
๕.
ฤดูอันเป็นที่สบาย
หมายถึง
ความร้อนความเย็นของอากาศตามฤดูกาล
เช่น บางฤดูก็ร้อนจัดมาก
บางฤดูก็หนาวเสียเหลือเกิน หรือ
กลางวันร้อนจัด
แต่กลางคืนก็เย็นมากจนถึงกับหนาว
อย่างนี้คงไม่สบายแน่
อาจเกิดเจ็บป่วยได้ง่าย
จำต้องเลือกให้เหมาะสมแก่ความเคยชินของตนที่พอจะทนได้
๖.
อาหารอันเป็นที่สบาย
หมายถึงว่า
ควรบริโภคแต่อาหารที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ร่างกายเป็นประมาณโดยไม่ต้องคำนึงถึงรสของอาหาร
แม้รสจะดีแต่ว่าเสาะท้องหรือทำให้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ
ก็ควรงดเสีย
เฉพาะภิกษุควรพิจารณาด้วยว่าตำบลนั้น
อัตคัดขาดแคลนจนถึงกับบิณฑบาตได้ไม่พอขบฉันหรือไม่ด้วย
ส่วนผู้ที่มีผู้ส่งเสียอาหาร
ก็ให้ทำความเข้าใจว่าอาหาร
ที่เป็นชิ้นใหญ่ก็ให้หั่นให้เล็กพอควร
ที่เป็นผักก็ตัดหรือม้วนให้พอดีคำที่มีกระดูกหรือก้างก็ให้จัดการเอาออกเสียให้หมดด้วย
๗.
อิริยาบถอันเป็นที่สบาย
หมายถึง อิริยาบถ ๔ เดิน ยืน นั่ง
นอน
อิริยาบถใดทำให้จิตคิดพล่านไป
ไม่สงบ
ก็แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่เป็นที่สบาย
จึงไม่ควรใช้อิริยาบถนั้น
แต่เมื่อจำเป็นก็ให้ใช้แต่น้อย
มีข้อที่ควรระวังในอิริยาบถนอนอยู่ว่า
นอนเพื่อกำหนด
หรือเพราะร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ไม่ใช่นอนด้วยอำนาจแห่งโกสัชชะ
เพราะหน่ายจากความเพียร
![]()
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
![]()