ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108
109 110 111 112 113 114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
ค้นหาหัวข้อธรรม
๕.
ทิพพจักขุญาณ
ตาเป็นทิพย์
สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ไกลมากหรืออยู่ในที่กำบังต่าง
ๆ นั้นได้
ซึ่งตามปกติแล้วนัยน์ตาอย่างธรรมดาสามัญไม่สามารถที่จะเห็นเช่นนั้นได้เลย
เป็นการเห็นทางมโนทวารโดยชัดเจนเหมือนกับว่าเห็นด้วยนัยน์ตาจริง
ๆ (อย่างฝันก็ไม่ได้เห็นด้วยนัยน์ตา
แต่ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือนกัน)
ทิพพจักขุจะเกิดได้ด้วยกสิณ
๔ คือ เตโชกสิณ โอทาตกสิณ
อากาสกสิณ อาโลกกสิณ
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
จุตูปปาตญาณ
เป็นอภิญญาที่สามารถรู้จุติและปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายใน
๓๑ ภูมิ
อภิญญานี้เกิดขึ้นโดยทิพพจักขุเป็นบาท
และไม่ต้องมีการบริกรรมเป็นพิเศษอีกต่างหากแต่อย่างใดเลย
เมื่อทิพพจักขุเกิดขึ้นแล้ว
ก็เป็นแต่เพียงตั้งอธิฏฐานน้อมใจไปในการจุติและปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายนั้น
ๆ ก็จะรู้ได้
ด้วยเหตุนี้
จึงถือว่า
ทิพพจักขุญาณและจุตูปปาตญาณนี้เป็นอภิญญาเดียวกัน
จะเรียกชื่อใดชื่อเดียวก็พึงเข้าใจว่ามีความหมายทั้ง
๒ อย่าง คือ ตาทิพย์
และรู้จุติปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายด้วย
อนึ่ง
ทิพพจักขุญาณ หรือจุตูปปาตญาณ
นี้ยังมีญาณอื่นที่อาศัยเป็นบาทให้เกิดอีก
๒ ญาณ คือ
ก.
ยถากัมมุปคญาณ
เป็นญาณที่รู้ว่าสัตว์ที่เข้าถึงความสุขและความทุกข์นั้น
เพราะได้ทำกรรมอะไรมา
ข.
อนาคตังสญาณ
เป็นญาณที่รู้ในกาลต่อไปทั้งของตนเองและของผู้อื่นว่า
จะเป็นไปอย่างนั้น ๆ
นับตั้งแต่ล่วงหน้าไปอีก ๗ วัน
จนถึงไม่มีที่สุด
แล้วแต่กำลังของสมาธิว่าจะมีความสามารถเพียงใด
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ