ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108
109 110 111 112 113 114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
ค้นหาหัวข้อธรรม
๔.
บุพเพนิวาสานุสสติญาณ
การระลึกชาติแต่ปางก่อนได้
ว่าชาตินั้น ๆ
ได้เกิดเป็นอะไรมาแล้ว
มีการจำแนกตามความสามารถในการระลึกชาติได้นั้น
ไว้เป็น ๖ อย่างได้แก่
พวกเดียรถีย์
คือ นักบวชภายนอกพระพุทธศาสนา
ระลึกชาติได้ ๔๐ กัปป์
ปกติสาวก
คือ
พระอริยบุคคลสามัญทั่วๆไประลึกชาติได้
๑๐๐ถึง๑๐๐๐ กัปป์
มหาสาวก
คือ
พระอรหันต์ที่มีวุฒิเป็นเลิศในทางใดทางหนึ่ง
(ซึ่งมีรวมจำนวน
๘๐ องค์)
ระลึกชาติได้
๑ แสนกัปป์
อัคคสาวก
คือ
พระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตร
อัคคสาวกซ้ายขวา ระลึกชาติได้ ๑
อสงขัยกับ ๑ แสนกัปป์
พระปัจเจกพุทธเจ้า
ระลึกชาติได้ ๒ อสงขัยกับ ๑
แสนกัปป์
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ระลึกชาติได้
โดยไม่มีกำหนดขีดขั้น
การระลึกชาติได้ของพวกเดียรถีย์นั้น
ระลึกได้ตามลำดับของขันธ์ติดกันไป
ข้ามลำดับไม่ได้คือระลึกได้ตามลำดับชาติ
จะระลึกข้ามไปชาติโน้นชาตินี้ตามชอบใจ
ที่ไม่เรียงตามลำดับนั้นไม่ได้
วิธีบำเพ็ญให้เกิดบุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ในขั้นแรกให้นึกถึงอิริยาบถนั่งครั้งสุดท้ายในวันนั้นก่อน
ต่อจากนั้นก็ให้นึกถึงการงานที่ได้กระทำไปแล้วนั้นย้อนถอยหลังไป
ตั้งแต่วันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง
เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง ต่อ ๆ ขึ้นไป
จนกระทั่งถึงปฏิสนธิ
ต่อไปอีกถึงรูปนามที่เป็นไปในขณะจุติในภพก่อน
ดังนี้ ตลอดจนร้อยชาติพันชาติ
ถ้าหากตอนไหนระลึกไม่ได้หรือไม่ชัด ก็ต้องเข้าฌานบ่อย ๆ ออกจากฌานแล้วก็ระลึกอีก จนกว่าจะชัดแจ้งตลอดไปตามกำลังของปัญญา
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ